Logo-CPF-small-65png

มาตรฐานซีพีเอฟ

CPF คุมเข้มมาตรการป้องกันโควิด-19 ย้ำ‼️ เนื้อหมู เนื้อไก่ ปลอดภัย 100%

CPF คุมเข้มมาตรการป้องกันโควิด-19 ย้ำ เนื้อหมู เนื้อไก่ ปลอดภัย 100% น.สพ.ดำเนิน จตุรวิธวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านสัตวแพทย์บริการวิชาการ ซีพีเอฟ กล่าวว่า ในช่วงวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 บริษัทฯ ประกาศใช้มาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น ตั้งแต่การสำรวจและคัดกรองคนก่อนเข้าฟาร์ม การตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย มาตรการรักษาสุขอนามัย โดยพนักงานทุกคนที่เข้าฟาร์มต้องผ่านการตรวจอุณหภูมิของร่างกาย จุ่มเท้าฆ่าเชื้อ สเปรย์มือด้วยแอลกอฮอล์ สวมหน้ากากอนามัย สร้างความตระหนักด้านสุขอนามัยส่วนบุคคลให้แก่พนักงาน หมั่นล้างมือด้วยน้ำ สบู่ แอลกอฮอล์ มาตรการรักษาความสะอาดโดยทำความสะอาดพื้นที่ที่มีการสัมผัสหรือใช้ร่วมกันด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อหรือแอลกอฮอล์ รวมทั้งทำความสะอาดจุดสัมผัสต่างๆ รถของฟาร์มทั้งก่อนและหลังการใช้งาน นอกจากนี้ ยังถ่ายทอดมาตรการดังกล่าวแก่เกษตรกรในโครงการส่งเสริมอาชีพแก่เกษตรกรรายย่อย (คอนแทรคฟาร์ม) ของบริษัทฯ เพื่อใช้เป็นแนวทางปฏิบัติในการป้องกันโรคระบาด ซึ่งจะส่งผลดีต่อสัตว์และผู้ปฏิบัติงานในฟาร์มด้วย ปัจจุบัน ฟาร์มสุกรทั้งหมดของซีพีเอฟ เลี้ยงด้วยระบบไบโอซีเคียวริตี้ เป็นระบบการป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ฟาร์มที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล เช่น เลี้ยงในระบบโรงเรือนปิด ตรวจสอบแหล่งวัตถุดิบรับจากแหล่งที่ปลอดภัยเท่านั้น ควบคุมรถขนส่งเข้า-ออก ฟาร์ม (มีระบบฆ่าเชื้อ) กำหนดจุดส่งมอบสินค้าแยกจากฟาร์ม ตลอดจนถ่ายทอดความรู้ดังกล่าวให้กับเกษตรกรในคอนแทรคฟาร์มของบริษัทฯทั่วประเทศครบทุกรายแล้ว ยืนยันได้ในความปลอดภัยของกระบวนการผลิตสุกรเพื่อส่งมอบอาหารที่ปลอดภัย 100 % สู่ผู้บริโภค ในสถานการณ์ที่มีการแพร่ระบาดของโรค ผู้บริโภคควรเลือกซื้อเนื้อสัตว์ด้วยความระมัดระวัง โดยพิจารณาจากผู้ผลิตที่มีมาตรฐานการป้องกันโรคที่เข้มงวดในการดูแลฟาร์มปศุสัตว์ด้วยความรับผิดชอบตามหลักสวัสดิภาพสัตว์และมาตรฐานสากล เพื่อความปลอดภัยของอาหารตลอดห่วงโซ่การผลิต รวมทั้งมีการซ้อมแผนฉุกเฉินป้องกันโรคในฟาร์มอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันสัตว์ให้ปลอดโรค น.สพ.ดำเนิน กล่าวเพิ่มเติมว่า ถึงแม้ว่าในสถานการณ์ที่มีการแพร่ระบาดของโรค จะทำให้ประชาชนตื่นตระหนก แต่ขอให้ผู้รับข้อมูลข่าวสารใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองข้อมูล ไม่หลงเชื่อข่าวลือในสังคมออนไลน์ที่นำข้อความเท็จมาแชร์ ไม่ส่งต่อข้อมูลเท็จ อาทิ เรื่องหมูไก่เป็นเอดส์ ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะที่ผ่านมา CPF ร่วมมือกับกรมปศุสัตว์ในการป้องกันและเฝ้าระวังโรคติดต่อในสัตว์ ทั้งสุกรและสัตว์ปีกอย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง ผู้บริโภคจึงมั่นใจได้ในการบริโภคเนื้อหมูและเนื้อไก่ว่ามีความปลอดภัยอย่างแน่นอน ./

CPF คุมเข้มมาตรการป้องกันโควิด-19 ย้ำ‼️ เนื้อหมู เนื้อไก่ ปลอดภัย 100% Read More »

ก เอ๋ย ก ไก่ ปลอดภัย ไร้ยา

ก เอ๋ย ก ไก่ ปลอดภัย ไร้ยา    คุณเคยผ่านตากับข้อมูลเหล่านี้ไหม ผู้หญิงไม่ควรกินปีกไก่ เพราะเวลาฉีดฮอร์โมนเร่งโตมักจะฉีดที่บริเวณคอหรือปีกไก่ ทำให้มีสารตกค้าง เสี่ยงต่อการเป็นซีสต์ในมดลูก หรือไม่ควรกินเนื้อไก่มากเกินไป เพราะในการเลี้ยงไก่มีการใช้ยาปฏิชีวนะจำนวนมาก ทำให้เกิดพิษตกค้างในตับและไตของมนุษย์ แถมยังทำให้เกิดเชื้อดื้อยาในมนุษย์ด้วย ข้อมูลที่ส่งต่อกันมาเหล่านี้เป็นเรื่องจริงหรือมั่ว ชัวร์หรือไม่ เมื่ออ่านบทความนี้จบ คุณจะพบคำตอบเอง      ไก่ไทย มาตรฐานส่งออก   รู้ไหมเอ่ย…ประเทศไทยส่งออกเนื้อไก่สูงเป็นอันดับ 4 ของโลก ข้อมูลเมื่อ พ.ศ. 2558 ประเทศไทยส่งออกไก่สด ไก่แช่เย็น ไก่แช่แข็ง ไก่แปรรูปรวมๆ แล้วมากถึง  6 แสนตัน คิดเป็นมูลค่าถึง 78,000 ล้านบาท ซึ่งประเทศคู่ค้าสำคัญก็คือ ญี่ปุ่นและสหภาพยุโรป ซึ่งประเทศเหล่านี้มีข้อกำหนดและมาตรฐานด้านความปลอดภัยของอาหารสูงมาก อย่างอียูนั้นมีกฎหมายห้ามใช้ยาปฏิชีวนะและสารเร่งการเจริญเติบโตในไก่เนื้อเพื่อการบริโภคอย่างเด็ดขาดมาร่วม 10 ปี ประเทศไทยจึงต้องมีกฎหมาย กฎระเบียบต่างๆ อย่างเข้มงวดเพื่อรองรับ ทั้งมาตรฐานฟาร์ม มาตรฐานโรงงาน ตลอดจนกระบวนการตรวจสอบรับรอง เพื่อให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ของประเทศคู่ค้า เป็นกฎเหล็กทางกฎหมายที่ไม่มีผู้ประกอบการไก่เนื้อเจ้าใดกล้าละเมิดแน่นอน เพราะมีระบบการตรวจสอบย้อนกลับ หากพบสารต้องห้าม สามารถรู้ได้เลยว่ามาจากประเทศไหน ฟาร์มไหน นั่นอาจหมายถึงการถูกตีกลับ ไปถึงขั้นห้ามนำเข้าไก่เนื้อจากเมืองไทยทั้งหมด ถ้าเป็นแบบนั้นก็งานเข้ากันทั้งประเทศเลยล่ะทีนี้    หน่วยงานหลักของประเทศไทยที่มีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้ก็คือ กรมปศุสัตว์ นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ ผอ. สำนักพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าปศุสัตว์ กรมปศุสัตว์ เคยให้สัมภาษณ์กับรายการชัวร์ก่อนแชร์สำนักข่าวไทยว่า    “ในฐานะที่ผมเป็นสัตวแพทย์และดูแลด้านกระบวนผลิต ผู้บริโภคสบายใจได้ เนื้อไก่ในประเทศไทยไม่มีการใช้สารเร่งแน่นอน การผลิตทุกวันนี้เป็นการผลิตที่เกิดจากการปรับปรุงพันธุ์ การพัฒนาอาหารสัตว์เพื่อให้ไก่เจริญเติบโตได้ดีและไทยเป็นประเทศส่งออกไปขายทั่วโลก ถ้าทำไม่ถูกต้องตามมาตรฐานหรือมีปัญหาเรื่องความปลอดภัย เราก็จะไม่สามารถส่งออกได้ เรื่องที่แชร์กันว่า ไก่ไทยใช้ฮอร์โมนเร่งโตไม่จริงแน่นอน เพราะผิดกฎหมาย”    นอกจากจะผิดกฎหมายแล้ว หากคิดจะฉีดสารเร่งโตกันจริงๆ ตามข้อมูลที่แชร์ต่อกันมาต้องฉีดเป็นรายตัวและฉีดอย่างต่อเนื่อง ลองคิดดูว่าถ้าฟาร์มหนึ่งมีไก่สามสี่หมื่นตัวจะทำอย่างไร ต้นทุนการเลี้ยงจะสูงเกินไป ไม่คุ้มค่าที่จะทำ    ในส่วนประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุขได้มีคำสั่งกระทรวงฯ ที่  417/2529  มาตั้งแต่พ.ศ. 2529 (นับนิ้วมาถึงปัจจุบันก็ 31 ปีแล้ว) ประกาศห้ามใช้ยาเฮ็กโซเอสตรอล (Hexoestrol) ซึ่งเป็นยาที่ใช้สำหรับตอนสัตว์ปีกและเป็นฮอร์โมนสำหรับรักษาสัตว์ ซึ่งยาที่ห้ามก็คือ สารเร่งการเจริญเติบโตนั่นเอง จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่อุตสาหกรรมไก่เนื้อจะใช้ฮอร์โมนเร่งการเติบโต เพราะผิดกฎหมายชัวร์ๆ และยานี้ห้ามจำหน่ายในประเทศไทย ถ้าอยากใช้ก็ต้องลักลอบนำเข้า     ไก่ปลอดยา คนปลอดภัย สำหรับเรื่องการใช้ยาปฏิชีวนะ ในปัจจุบัน มีกำหนดระเบียบการเลี้ยงสัตว์ตามหลักสวัสดิภาพสัตว์(Animal Welfare) คุ้มครองอยู่คือ ใช้เพื่อรักษาสัตว์ป่วย และใช้อย่างมีเหตุผลเท่านั้น โดยจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลควบคุมของสัตวแพทย์ และต้องมีระยะหยุดใช้ยาจนไก่ปลอดภัยจากสารตกค้างจึงจะถูกส่งเข้ากระบวนการแปรรูปต่อไป แถมก่อนส่งออกจะต้องผ่านการตรวจสอบและรับรองว่าปลอดภัยจากเชื้อดื้อยาจากกรมปศุสัตว์ เพราะประเทศไทยและประเทศคู่ค้าอย่างสหภาพยุโรป (อียู) ญี่ปุ่น ตะวันออกกลาง มีข้อตกลงร่วมกันในเรื่องระบบการป้องกันการใช้ยาปฏิชีวนะและการตรวจสอบสารตกค้างในอาหาร     แต่ถ้าจะทำให้ไก่ปลอดยาปฏิชีวนะตลอดกระบวนการเลี้ยงเลยล่ะ จะทำได้ไหม     ทำได้สิเพราะหัวใจหลักของการไม่ใช้ยาปฏิชีวนะต้องย้อนกลับมาที่พื้นฐานที่สุด ก็คือ “ทำอย่างไรให้สัตว์แข็งแรง ไม่เจ็บป่วย” (ไม่ต่างจากคน ไม่ป่วยก็ไม่ต้องกินยา)    หลักการเลี้ยงไก่ให้ปลอดยาปฏิชีวนะนั้น ต้องมีการควบคุมตลอดกระบวนการผลิต เริ่มกันตั้งแต่ต้นทางที่เกษตรกรคัดแยกลูกไก่จากฟาร์มพ่อแม่พันธุ์ที่ไม่มีปัญหาสุขภาพ มีอายุไข่ที่เหมาะสม มีการฆ่าเชื้อไข่ฟัก การจัดการโรงฟักที่ดี จนถึงการบริหารจัดการไก่ภายในโรงเรือนก็เป็นปัจจัยสำคัญ คือต้องมีระบบป้องกันโรค (Biosecurity) ที่เข้มงวด ต้องล้างทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรงเรือนก่อนนำไก่เข้าเล้า ตรวจสอบเชื้อโรคที่ปนเปื้อนมากับแกลบหรือวัสดุที่ใช้รองพื้นเล้า ระหว่างการเลี้ยงก็ต้องดูแลให้อุณหภูมิในโรงเรือนมีความเหมาะสมและทั่วถึงไก่ทุกตัว  มีการเก็บอาหารสัตว์ในที่มิดชิด ป้องกันสัตว์และสิ่งปนเปื้อน รวมถึงมีระบบการตรวจสอบที่เข้มงวดอย่างสม่ำเสมอ   “หัวใจสำคัญของการเลี้ยงไก่ปลอดการใช้ยาปฏิชีวนะ  เริ่มจากเกษตรกรจะต้องเพิ่มการดูแลไก่ในโรงเรือนอย่างใกล้ชิดมากขึ้น โดยไม่ละเลยข้อปฏิบัติเล็กๆ น้อยๆ เพื่อป้องกันการติดเชื้อและการปนเปื้อนทุกอย่างอย่างเข้มงวด” นายสัตวแพทย์นรินทร์ ร่มลำดวน รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สำนักเทคนิคและวิชาการสัตว์บก บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ เล่าถึง “โครงการนำร่องเลี้ยงไก่ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ” ซึ่งซีพีเอฟดำเนินการมาตั้งแต่พ.ศ. 2557 ปัจจุบันโครงการนี้ประสบผลสำเร็จน่าพอใจ จึงนำความรู้ชุดนี้มาเผยแพร่สู่เจ้าหน้าที่และเกษตรกรในโครงการส่งเสริมอาชีพเกษตรกร รายย่อย (Contract Farming) ให้นำหลักการเลี้ยงไก่ปลอดยาปฏิชีวนะไปใช้ได้ทุกฟาร์ม โดยมีเป้าหมายให้ฟาร์มทุกแห่งทั่วประเทศปลอดการใช้ยาปฏิชีวนะได้ภายในพ.ศ. 2561    ถ้าสามารถป้องกันอย่างเข้มงวดไม่ให้ไก่มีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะ และไก่สามารถดำรงสุขภาพอย่างแข็งแรงได้ตั้งแต่ฟักเป็นตัว กระทั่งเข้าสู่โรงงานแปรรูป จนถูกเสิร์ฟบนโต๊ะอาหาร “บริษัทฯ จะนำความสำเร็จของโครงการนี้ เป็นแนวทางปฏิบัติกับธุรกิจเลี้ยงไก่เนื้อในทุกประเทศที่บริษัทไปลงทุน เพื่อยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมไก่เนื้อให้สูงขึ้น และเป็นที่ยอมรับและมั่นใจของผู้บริโภคทั่วโลก”     นายสัตวแพทย์นรินทร์ย้ำจุดหมายปลายทาง ซึ่งหมายความว่าไอเดียของคนไทย บริษัทไทย จะกลายเป็นต้นแบบการเรียนรู้ให้กับประเทศอื่นๆ ด้วย ซึ่งบรรทัดสุดท้ายของความสำเร็จนี้  ก็เพื่อส่งต่อสุขภาพที่ดีผ่านอาหารที่ปลอดภัย (Food Safety) ให้กับผู้บริโภคคนไทยและคนทั่วโลกนั่นเอง    กะเพราไก่ ไก่ย่าง ไก่ทอด ลาบไก่ ยำไก่ ไก่เทอริยากิ ฯลฯ แค่คิดก็หิวแล้ว     เมื่อมาถึงบรรทัดนี้ข้อควรระวังของการบริโภคไก่ คงไม่ใช่เรื่องสารเร่งโตหรือสารปฏิชีวนะตกค้าง แต่น่าจะเป็นเรื่องการกินอาหารให้สมดุล กินหลากหลาย ครบทุกหมู่ กินผักบ้าง และอย่ากินมากเกินไป เดี๋ยวอ้วน นะเออ    

ก เอ๋ย ก ไก่ ปลอดภัย ไร้ยา Read More »

ซีพีเอฟ มุ่งพัฒนาสวัสดิภาพสัตว์

ซีพีเอฟ มุ่งพัฒนาสวัสดิภาพสัตว์ ปรับปรุงฟาร์มแม่พันธุ์สุกรสู่มาตรฐานโลก เมื่อ : 2019-03-12    บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ มุ่งปรับปรุงฟาร์มแม่พันธุ์สุกรอุ้มท้อง ให้สอดคล้องตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ระดับโลก โดยตั้งเป้า 100% ของฟาร์มสุกรแม่พันธุ์อุ้มท้องเป็นระบบการเลี้ยงแบบคอกขังรวมภายในปี 2568 สำหรับกิจการในประเทศไทย และปี 2571 สำหรับกิจการในต่างประเทศ    น.สพ.ดำเนิน จตุรวิธวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ซีพีเอฟ กล่าวว่า การปรับปรุงฟาร์มแม่พันธุ์เป็นไปตามนโยบายสวัสดิภาพสัตว์ของซีพีเอฟ ซึ่งได้ประกาศใช้กับกิจการของบริษัททั่วโลก เมื่อเดือนเมษายน ปี 2561 เพื่อให้สัตว์มีสุขภาพแข็งแรง ปราศจากความเครียด เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระและแสดงพฤติกรรมตามธรรมชาติได้ตามหลักอิสรภาพสัตว์ 5 ประการ (Five Freedoms of Animals) ซึ่งในปัจุบันบริษัทมีการปรับปรุงฟาร์มแม่พันธุ์สุกรอุ้มท้องในประเทศเพิ่มขึ้นจาก 24% ในปี 2560 เป็น 32% เมื่อปีที่แล้ว    น.สพ.ดำเนิน เสริมว่าการปรับปรุงฟาร์มแม่พันธุ์ตามหลักสวัสดิภาพในครั้งนี้ นอกจากจะทำให้สัตว์มีความเป็นอยู่ที่ดี ตามหลักมนุษยธรรมแล้ว ยังสามารถช่วยลดการใช้ยาต้านจุลชีพในสัตว์ได้อีกด้วย    ซีพีเอฟ เป็นองค์กรที่ทำฟาร์มปศุสัตว์และผลิตอาหารด้วยความรับผิดชอบ การประกาศนโยบายสวัสดิภาพสัตว์ ควบคู่ไปกับวิสัยทัศน์ระดับโลกด้านการใช้ยาต้านจุลชีพในสัตว์ จะช่วยให้บริษัทสามารถผลิตอาหารปลอดภัย ตามหลักมนุษยธรรม และมีคุณภาพดีสำหรับทุกๆคน” น.สพ.ดำเนิน กล่าวย้ำ    น.สพ.ดำเนิน กล่าวว่า นอกจากการปรับปรุงฟาร์มสุกรแม่พันธุ์แล้ว บริษัทฯ ได้ดำเนินการหลายด้านเพื่อบริหารสิ่งแวดล้อมในฟาร์มระบบปิดให้ใกล้เคียงธรรมชาติตามมาตรฐานสากล ลดความเครียดของสัตว์ทำให้สัตว์แข็งแรงไม่ป่วย อย่างไรก็ตามเมื่อสัตว์ป่วย ยังจำเป็นต้องให้การรักษาตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ ซึ่งสัตว์ที่ป่วยจะถูกแยกออกมาทำการรักษาในที่ที่จัดไว้ เพื่อให้มั่นใจว่าสัตว์ในฟาร์มมีสุขภาพดี “ฟาร์มเลี้ยงสุกรทั้งหมดของบริษัทได้รับการปรับปรุงให้เป็นโรงเรือนระบบปิดควบคุมอุณหภูมิด้วยการระเหยของน้ำ (EVAP) ซึ่งนอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคแล้ว ยังทำให้สัตว์อยู่สุขสบาย ลดความเครียด” น.สพ.ดำเนิน อธิบาย    นโยบายสวัสดิภาพสัตว์ของ ซีพีเอฟ ยังครอบคลุมสัตว์ปีก โดยทำการศึกษาเพื่อพัฒนาฟาร์มไก่ไข่บริษัทในประเทศไทย ไปสู่ระบบการเลี้ยงแบบปล่อยในโรงเรือน (cage free) ตลอดจน ฟาร์มไก่เนื้อทุกประเทศจะมีเจ้าหน้าที่สวัสดิภาพสัตว์ปีก (Poultry Welfare Officer) ในปี 2563 ส่วนฟาร์มไก่เนื้อในประเทศไทยทั้งหมดเป็นระบบการเลี้บงตามหลักการสวัสดิภาพสัตว์ ตั้งแต่ปี 2543    ในปีที่ผ่านมา ซีพีเอฟ เป็นบริษัทผู้ผลิตอาหารไทยเพียงหนึ่งเดียว จาก 150 บริษัทชั้นนำทั่วโลกที่ได้ร่วมการประเมิน รายงานมาตรฐานด้านการดำเนินธุรกิจตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ หรือ The Business Benchmark on Farm Animal Welfare Report ซึ่งเป็นรายงานด้านสวัสดิภาพสัตว์ในอุตสาหกรรมอาหารที่ได้รับความเชื่อถือจากผู้บริโภค และนักลงทุนทั่วโลก โดยบริษัทได้ถูกจัดอันดับให้อยู่ในระดับที่ 4 มีการปฏิบัติตามนโยบายสวัสดิภาพสัตว์ (Tier 4 Making progress on implementation)

ซีพีเอฟ มุ่งพัฒนาสวัสดิภาพสัตว์ Read More »

12 ขั้นตอนเลี้ยงไก่เนื้อมาตราฐานบริษัท

12 ขั้นตอน เลี้ยงไก่เนื้อมาตรฐานบริษัท      ไก่เนื้อในปัจจุบันมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วและมีอัตราการเปลี่ยนอาหาร (Feed conversion ratio : FCR) ดีขึ้นตามลำดับ ดังนั้นขั้นตอนการเลี้ยงและการบริหารจัดการฟาร์มไก่เนื้อให้ได้ผลผลิตดีและมีคุณภาพ ตามมาตรฐานฟาร์มของบริษัทใหญ่ที่เลี้ยงแบบเข้าออกพร้อมกันทั้งหมด (All in – all out) มีอะไรบ้าง พอจะสรุปให้เข้าใจได้ดังนี้ โดยเริ่มจากการเข้าสู่การพักโรงเรือน (Down time) หรือที่เราเรียกกันว่า “พักเล้า” อย่างน้อย 7-14 วัน หรืออาจใช้ระยะเวลามากกว่านั้น ซึ่งขึ้นอยู่กับบริษัทที่เป็นคอนแทรคฟาร์มด้วย สำหรับวิธีการนี้ส่งผลดีกับผู้บริโภคเป็นอย่างมาก แต่สำหรับผู้เลี้ยงหรือผู้ดูแลฟาร์มอาจต้องเหนื่อยมากหน่อย…แต่คุ้ม 1. จัดการนำวัสดุรองพื้นเก่า (มูลไก่ที่ผสมแกลบ) ออกจากโรงเรือน 2. ทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคภายในและภายนอกโรงเรือน อุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ให้สะอาด เช่น อุปกรณ์ให้น้ำ ให้อาหาร ผ้าม่าน ฯลฯ พร้อมเก็บตัวอย่างไปตรวจวิเคราะห์หาเชื้อโรค เพื่อป้องกันและควบคุมการเกิดโรคระบาด 3. จัดการนำวัสดุรองพื้น (แกลบ) ที่สะอาดเข้าโรงเรือน โดยปูวัสดุรองพื้นให้มีความหนาประมาณ 3-4 นิ้ว (8-10 เซนติเมตร) ขั้นตอนนี้ต้องมีการตรวจวิเคราะห์ความสะอาดของแกลบทุกครั้ง 4. เกลี่ยแกลบให้เต็มพื้นที่โรงเรือน และเตรียมอุปกรณ์การเลี้ยงให้พร้อม รวมถึงการทำใบขออนุญาตลงไก่ที่สำนักงานปศุสัตว์ในพื้นที่ด้วย 5. เลี้ยงไก่ตามโปรแกรมพร้อมติดตามผล 24 ชม. จนครบระยะเวลาการเลี้ยงหรือตามน้ำหนักที่บริษัทกำหนด ซึ่งจะมีน้ำหนักตั้งแต่ 1.3-2.8 กิโลกรัม หรือเลี้ยง 28-60 วัน 6. ก่อนจับไก่ออกจากโรงเรือนต้องเก็บตัวอย่างไปตรวจ เพื่อหาเชื้อไข้หวัดนก (สำนักงานปศุสัตว์ในพื้นที่) รอผลแลปประมาณ 7-10 วัน ก่อนจับ เพื่อนำไปประกอบกับใบอนุญาตเคลื่อนย้าย 7. มีการตรวจงานฟาร์ม (ออดิท) ตามมาตรฐานของบริษัทใหญ่ คิดเป็นคะแนน 10% 8. เก็บตัวอย่างมูลไก่ตรวจหาเชื้อซัลโมเนลลาก่อน เพื่อจัดคิวเข้าโรงเชือด 9. สุ่มชั่งน้ำหนักหาค่าเฉลี่ยของตัวไก่ก่อนเข้าเชือด เพื่อการประมาณรถบรรทุกไก่ใหญ่ มีค่าวิเคราะห์ความแม่นยำ คิดเป็นคะแนน 20% 10. ทำใบเคลื่อนย้ายสัตว์ ร.1 และรอใบอนุญาต ร.4 จากสำนักงานปศุสัตว์ในพื้นที่ 11. จับไก่ออกจากโรงเรือนแล้ว รอผลน้ำหนักหน้าโรงงาน สรุปการ์ดหน้าเล้า โดยค่า pi (ประสิทธิภาพการเลี้ยง) มีน้ำหนักการนำไปจัดเกรดฟาร์ม อีก 35% และบวกกับคะแนนการตกราวอีก 25% อีก 10% คือ คะแนน bio 2 = การสุ่มตรวจฟาร์มแบบไม่มีการนัดหมายล่วงหน้า 12. รอสรุปบัญชี ภายใน 14 วันหลังจับไก่

12 ขั้นตอนเลี้ยงไก่เนื้อมาตราฐานบริษัท Read More »

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้แก่ท่านได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงทำให้สามารถมอบข้อเสนอ กิจกรรมส่งเสริมการขาย เลือกเนื้อหาให้เหมาะสมแก่ท่านอย่างเป็นส่วนตัวได้ การเก็บและใช้งานคุกกี้สามารถศึกษาได้ที่นโยบายการใช้คุกกี้นี้ การใช้งานเว็บไซต์นี้จะมีการจัดเก็บคุกกี้ประเภทต่าง ๆ ซึ่งท่านต้องยอมรับและยินยอมให้บริษัทฯ จัดเก็บ. (เรียนรู้เพิ่มเติม)