Logo-CPF-small-65png

ข่าวสารทั่วไป

การใช้เทคโนโลยีในฟาร์มเลี้ยงสุกร: ก้าวสู่อนาคตการเกษตรที่ยั่งยืน

ในปัจจุบัน อุตสาหกรรมการเกษตรก่าลังเผชิญกับความท้าทายจากการเติบโตของประชากรโลกและความต้องการอาหารที่เพิ่มขึ้น หนึ่งในวิธีการที่ช่วยตอบสนองความต้องการนี้อย่างมีประสิทธิภาพ คือการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในฟาร์มเลี้ยงสุกร ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มผลผลิต แต่ยังช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและเพิ่มคุณภาพชีวิตของสัตว์ด้วย ระบบเซ็นเซอร์และ IoT (Internet of Things) เทคโนโลยี IoT มีบทบาทสำคัญในฟาร์มเลี้ยงสุกร โดยการติดตั้งเซ็นเซอร์ในโรงเรือนเพื่อเก็บข้อมูลสำคัญ เช่น อุณหภูมิ ความชื้น ระดับก๊าซแอมโมเนีย และเสียงของสุกร ข้อมูลเหล่านี้สามารถถูกส่งไปยังอุปกรณ์มือถือหรือคอมพิวเตอร์ในแบบเรียลไทม์ ช่วยให้ผู้เลี้ยงสามารถตรวจสอบและปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของสุกร ระบบให้อาหารอัตโนมัติ ระบบให้อาหารอัตโนมัติช่วยลดแรงงานคนและเพิ่มความแม่นยำในการให้อาหารสุกร โดยเครื่องให้อาหารจะคำนวณปริมาณอาหารที่เหมาะสมตามน้ำหนักและอายุของสุกรในแต่ละกลุ่ม ทำให้สุกรได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอและลดการสูญเสียอาหารที่ไม่จำเป็น เทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูล (Big Data Analytics) การเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลในฟาร์มเลี้ยงสุกรสามารถช่วยผู้เลี้ยงตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การคาดการณ์โรคระบาด การวางแผนการผลิต และการปรับปรุงพันธุ์สุกร ข้อมูลเหล่านี้ช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มผลกำไรให้กับฟาร์ม การใช้หุ่นยนต์ในการทำความสะอาด หุ่นยนต์ทำความสะอาดในโรงเรือนสุกรสามารถช่วยลดภาระงานของผู้เลี้ยงและรักษาความสะอาดในฟาร์มได้อย่างสม่ำเสมอ สุขภาพของสุกรจึงดีขึ้น และลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายของโรค ระบบตรวจสุขภาพสุกรด้วย AI ด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ฟาร์มเลี้ยงสุกรสามารถใช้กล้องและซอฟต์แวร์ในการวิเคราะห์พฤติกรรมและสุขภาพของสุกร เช่น การตรวจจับอาการเจ็บป่วย การเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ หรือการลดน้ำหนัก เพื่อให้การรักษาและดูแลเป็นไปอย่างรวดเร็ว ข้อดีของการนำเทคโนโลยีมาใช้ในฟาร์มสุกร ลดต้นทุนและแรงงานคน เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การป้องกันโรคภายในฟาร์มสุกร: กุญแจสู่การเลี้ยงสัตว์ที่ปลอดภัยและยั่งยืน ฟาร์มเลี้ยงสุกรเป็นแหล่งผลิตเนื้อสัตว์ที่สำคัญและจำเป็นต้องมีการจัดการโรคอย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากโรคต่างๆ อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของสุกรและผลผลิต รวมถึงต้นทุนการดำเนินงาน ดังนั้น การป้องกันโรคจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ฟาร์มสามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน การจัดการด้านสุขอนามัย การรักษาความสะอาดในฟาร์มเป็นสิ่งสำคัญที่สุด การทำความสะอาดโรงเรือน สุกร และอุปกรณ์ต่างๆ อย่างสม่ำเสมอช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายของเชื้อโรค นอกจากนี้ การกำจัดมูลสัตว์อย่างเหมาะสมและการจัดการน้ำเสียก็ช่วยลดแหล่งสะสมของเชื้อโรคได้ การควบคุมการเข้า-ออกของบุคคลและยานพาหนะ การจำกัดการเข้า-ออกของบุคคลและยานพาหนะในฟาร์มช่วยลดโอกาสในการนำเชื้อโรคเข้ามา การใช้เสื้อผ้าและรองเท้าป้องกัน รวมถึงการติดตั้งจุดล้างมือและรองเท้าก่อนเข้าสู่โรงเรือน เป็นมาตรการที่ช่วยป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ การฉีดวัคซีนและการจัดการทางการแพทย์ การฉีดวัคซีนเป็นมาตรการสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับสุกร การวางแผนการฉีดวัคซีนตามช่วงอายุของสุกรและการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอช่วยให้สามารถตรวจพบโรคได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นและลดการแพร่กระจาย การควบคุมศัตรูพาหะ แมลงวัน หนู และศัตรูพาหะอื่นๆ เป็นตัวกลางในการนำเชื้อโรคเข้าสู่ฟาร์ม การติดตั้งมุ้งลวด การใช้กับดัก และการทำความสะอาดพื้นที่รอบฟาร์มอย่างต่อเนื่องสามารถช่วยลดจำนวนศัตรูพาหะได้ การใช้อาหารและน้ำที่ปลอดภัย อาหารและน้ำเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อสุขภาพของสุกร การเลือกใช้อาหารที่มีคุณภาพและการจัดการน้ำดื่มให้สะอาดปราศจากเชื้อโรคช่วยลดโอกาสในการเกิดโรคที่เกิดจากอาหารและน้ำ การใช้เทคโนโลยีในการเฝ้าระวัง การใช้เทคโนโลยี เช่น กล้องวงจรปิด ระบบเซ็นเซอร์ตรวจสุขภาพ และการเก็บข้อมูลสุขภาพสุกรในระบบดิจิทัล ช่วยให้ผู้เลี้ยงสามารถติดตามและตรวจสอบสุขภาพของสุกรได้แบบเรียลไทม์ และจัดการปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ข้อดีของการป้องกันโรคในฟาร์มสุกร ลดความเสี่ยงต่อการระบาดของโรค เพิ่มผลผลิตและลดการสูญเสีย ลดต้นทุนในการรักษาโรค สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค  

การใช้เทคโนโลยีในฟาร์มเลี้ยงสุกร: ก้าวสู่อนาคตการเกษตรที่ยั่งยืน Read More »

ซีพีเอฟ ธุรกิจอาหารัสตว์บก รับมอบฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์บก 523 รายการ จาก องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก อบก.

  ซีพีเอฟ ธุรกิจอาหารัสตว์บก รับมอบฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์บก 523 รายการ จาก องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก อบก. 22 มีนาคม 2567 – องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) มอบฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ให้กับผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์บก จากบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เป็นการรับรองผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์บกของบริษัท 522 รายการ และผลิตภัณฑ์ข้าวโพด 1 รายการ ตอกย้ำความมุ่งมั่นของบริษัทในการลดผลกระทบจากดำเนินธุรกิจต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน นายฤทธิชัย ภูมิอมร ผู้อำนวยการอาวุโส กล่าวว่า ซีพีเอฟ ธุรกิจอาหารสัตว์ เราส่งเสริมการใช้วัตถุดิบที่มาจากแหล่งไม่ตัดไม้ทำลายป่า ลดการใช้พลาสติกจากบรรจุภัณฑ์ มีการปรับเปลี่ยนรถยกจากน้ำมันเป็นไฟฟ้า นำดิจิตอล AI มาพัฒนากระบวนการเป็นโรงงานผลิตอาหารสัตว์อัจฉริยะ Smart Feedmil! ใช้พลังงานหมุนเวียนตลอดห่วงโซ่การผลิต ติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ใน โรงงานผลิตอาหารสัตว์ ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็นผู้นำโดยเป็นโรงงานอาหารสัตว์ได้รับรอง Carbon Neutral Organization นวัตกรรมอาหารสัตว์รักษ์โลก นอกจากนี้ทุกโรงงานเรายังเป็นโรงงาน Green Industry ตอกย้ำความมุ่งมั่นผลิตอาหารปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มุ่งสู่เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ Net-zero ในปี 2050 การจัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ CPF Green Revenue และดำเนินกิจกรรมโครงการ Feed Sustainability in action ซึ่งตอกย้ำว่ารายได้ของบริษัทมาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์สีเขียว (Green Product) เช่น ผลิตภัณฑ์ที่สามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และผลิตภัณฑ์ที่ได้รับรองฉลากสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก รวมถึงสนับสนุนการประเมินความยั่งยืนทางธุรกิจของดัชนีความยั่งยืนระดับโลก เช่น DJSI, MSCI และ FTSE การทำฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ช่วยให้บริษัททราบถึงปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ของแต่ละผลิตภัณฑ์ตลอดวัฏจักร นำไปสู่การวิจัย ให้เกิดการใช้วัตถุดิบ พลังงาน ทรัพยากรธรรมชาติ อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อร่วมรณรงค์ในการลดภาวะโลกร้อน” รับชมคลิป >> https://www.youtube.com/watch?v=Gog_l6gEcFs

ซีพีเอฟ ธุรกิจอาหารัสตว์บก รับมอบฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์บก 523 รายการ จาก องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก อบก. Read More »

เปิดตัว “อาหารควาย” บุกตลาดควายไทยพัฒนาสู่สากล

“บิทคับ เวนเจอร์ส – เจ้าทุย – ซีพีเอฟ” จับมือเปิดตัวอาหารควายสูตรใหม่ พาควายไทยพัฒนาไปสู่ระดับสากล   เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2567 บริษัท บิทคับ เวนเจอร์ส จำกัด ร่วมกับบริษัท เจ้าทุย จำกัด และบริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (ซีพีเอฟอาหารสัตว์บก) เปิดตัว “อาหารควาย อาหารข้นคุณภาพดี” อาหารสูตรใหม่สำหรับควายไทย เพื่อส่งเสริมการเลี้ยงดูควายไทยคุณภาพดีด้วยอาหารที่มีคุณภาพและสารอาหารครบครัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าและยกระดับวงการควายไทยให้ทัดเทียมสากล พร้อมยังช่วยให้เกษตรกรชาวไทยมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยมีสมาคมอนุรักษ์พัฒนาควายไทย เกษตรกรผู้เลี้ยงควายไทย และผู้ที่สนใจ อาทิ คุณน้ำ-รพีภัทร เอกพันธ์กุล เข้าร่วม ณ นินลนีย์ฟาร์ม เขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา     นางสาวเนาวรัตน์ ธรรมสวยดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ เวนเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า “บิทคับ เวนเจอร์ส ตัดสินใจร่วมลงทุนในบริษัท เจ้าทุย จำกัด เพราะเล็งเห็นถึงโอกาสในธุรกิจควายไทยที่มีความต้องการทั้งในตลาดควายสวยงามและตลาดควายพันธุ์เนื้อ รวมไปถึงความต้องการของตลาดต่างประเทศอีกด้วย เราจึงต้องการยกระดับวงการควายไทยให้มีมาตรฐานและศักยภาพสู่ระดับสากลได้ โดยการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ามาใช้ในการเก็บข้อมูลประวัติพันธุ์ควายในรูปแบบ NFT Pedigree เพื่อทำให้การซื้อขายในวงการควายไทยมีการรับรองข้อมูลด้วยเทคโนโลยีที่เชื่อถือได้และไม่สามารถปลอมแปลงได้ ซึ่งนับเป็นการเพิ่มมูลค่าด้วยเทคโนโลยี แต่ในวันนี้ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ ซีพีเอฟอาหารสัตว์บก เข้ามาช่วยสนับสนุนในด้านของอาหารควายที่มีคุณภาพและเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าของควายไทยมากยิ่งขึ้น เพื่อนำไปสู่วิสัยทัศน์ร่วมกันคือการยกระดับควายไทยและสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรไทย”   นายธนบัตร ใคร่นุ่นสิงห์ ผู้ก่อตั้ง บริษัท เจ้าทุย จำกัด กล่าวว่า “เจ้าทุยเป็นการรวมตัวกันของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพิ่มประสิทธิภาพให้กับพี่น้องเกษตรกรผู้เลี้ยงควายไทย เพื่อเป็นการต่อยอดให้ควายไทยสามารถเป็นสัตว์เศรษฐกิจได้ นำไปสู่การสร้างงานสร้างอาชีพที่ยั่งยืนให้กับพี่น้องเกษตรกรไทยมากขึ้น ผ่านการเก็บพันธุ์ประวัติด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชนและการเก็บประวัติการรับวัคซีนของควาย โดยเฉพาะในกลุ่มของควายเนื้อที่จำเป็นจะต้องมีการเลี้ยงดูให้ได้ตามมาตรฐาน ซึ่งการเข้ามาของซีพีเอฟอาหารสัตว์บก ยิ่งช่วยเติมเต็มการพัฒนาควายไทยให้มีสุขภาพแข็งแรงและมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น โดยพัฒนาสูตรอาหารควายไทยที่เหมาะสำหรับควายพ่อพันธุ์ (สูตร CP Buff M) และควายแม่พันธุ์ (สูตร CP Buff F) โดยเฉพาะ สิ่งนี้จึงเป็นอีกก้าวสำคัญที่จะพาวงการควายไทยให้ไปสู่ระดับโลกได้จริง”  

เปิดตัว “อาหารควาย” บุกตลาดควายไทยพัฒนาสู่สากล Read More »

“ซีพีเอฟ”ขอบคุณรัฐแก้ปัญหานำเข้ากากถั่วทันการณ์พร้อมลดราคาอาหารสัตว์

“ซีพีเอฟ”ขอบคุณรัฐบาลแก้ปัญหานำเข้ากากถั่วทันการณ์ และคงภาษีนำเข้าที่ 2% ไม่เปลี่ยนแปลง เผยพร้อมลดราคาอาหารสัตว์ช่วยเกษตรกร     นายเรวัติ หทัยสัตยพงศ์ ผู้อำนวยการใหญ่ ธุรกิจอาหารสัตว์บก บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ กล่าวว่า ขอขอบคุณรัฐบาลท่านนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน และผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่เข้าใจปัญหาของอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เป็นอย่างดี ที่อนุมัติการนำเข้ากากถั่วเหลืองได้ทันเวลา และคงภาษีนำเข้าที่ 2% ไม่เปลี่ยนแปลง ส่งผลดีต่อการผลิตภาคปศุสัตว์ของไทยให้เดินหน้าได้อย่างต่อเนื่อง ไม่หยุดชะงัก ขณะที่ซีพีเอฟมีนโยบายมุ่งมั่นสนับสนุนและพัฒนาเกษตรกรไทย ให้มีอาชีพอย่างยั่งยืน ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯ ช่วยแบ่งเบาภาระต้นทุนอาหารสัตว์ทุกชนิด ด้วยการให้ส่วนลดราคาผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์แก่เกษตรกรมาอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 รวม 30 บาทต่อถุง และในปี 2567 นี้ได้เพิ่มเติมส่วนลดพิเศษให้เกษตรกรไก่เนื้ออีก 3-4 บาท/ถุง      ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ของซีพีเอฟ ได้รับการยอมรับในด้านคุณภาพจากเกษตรกรทั่วประเทศไทย และทั่วโลก มีนักวิจัยพัฒนาที่คิดค้นนวัตกรรมอาหารสัตว์ ออกแบบสูตรอาหารอันสอดคล้องกับชนิดสัตว์ สายพันธุ์ และอายุแต่ละช่วงวัยของสัตว์      โดยมีมาตรฐานรับรองระบบคุณภาพและความปลอดภัยอาหารสัตว์ในระดับสากล GMP+ เป็นรายแรกและรายเดียวของไทยที่ได้รับการรับรอง ตลอดทั้งห่วงโซ่การผลิตอาหารสัตว์ (Feed Value Chain) ส่งผลให้ซีพีเอฟเป็นผู้นำการผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ ที่มีคุณภาพและมีความปลอดภัย เพื่อผลิตอาหารปลอดภัยสู่ผู้บริโภคทั่วโลกมาโดยตลอด    นอกจากนี้ การจัดหาวัตถุดิบอาหารสัตว์ของซีพีเอฟ ยังเป็นปัจจัยสำคัญในการผลิตอาหารสัตว์คุณภาพสูง ภายใต้นโยบายการจัดหาอย่างยั่งยืน โดยวัตถุดิบทุกชนิดต้องตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งที่มาได้และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เช่น นโยบายไม่รับซื้อผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากพื้นที่รุกป่าและพื้นที่ที่มาจากการเผา ซึ่งขณะนี้บริษัทสามารถดำเนินการได้แล้ว 100% ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ

“ซีพีเอฟ”ขอบคุณรัฐแก้ปัญหานำเข้ากากถั่วทันการณ์พร้อมลดราคาอาหารสัตว์ Read More »

วันความปลอดภัยและอาชีวอนามัยสากล หรือ World Day for Safety and Health at Work 2023

เนื่องในโอกาสวันความปลอดภัยและอาชีวอนามัยสากล หรือ World Day for Safety and Health at Work 2023 ในปีนี้ จะจัดขึ้นในวันที่ 28 เมษายน 2566 ซึ่งกองความปลอดภัยแรงงาน สวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จะจัดกิจกรรมขึ้น มีกรอบแนวคิดคือ “สภาพแวดล้อมในการทำงานที่ปลอดภัยและดีต่อสุขภาพ ถือเป็นหลักการและสิทธิขั้นพื้นฐานในการทำงาน” (A safe and healthy working environment is a fundamental principle and right at work) ที่ประชุมแรงงานระหว่างประเทศ (International labour Conference; ILC) เมื่อเดือนมิถุนายน 2565 มีมติเห็นชอบให้รวมอนุสัญญาความปลอดภัยและอาชีวอนามัย ฉบับที่ 155 และกรอบการส่งเสริมความปลอดภัยและอาชีวอนามัย ฉบับที่ 187 ไว้ในกรอบหลักการและสิทธิขั้นพื้นฐานในการทำงานด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยขององค์การ ธุรกิจอาหารสัตว์บก หน่วยงานระบบมาตรฐานและความยั่งยืนองค์กร ด้าน SHE&En โดยคณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัย สิ่งแวดล้อม และพลังงาน จัดสื่อสารความมุ่งมั่นผู้บริหาร นำทีมโดยคุณเรวัติ  หทัยสัตยพงศ์ ผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจอาหารสัตว์บก ได้ให้ความมุ่งมั่น ( นอกจากค่านิยมองค์กร 3 ประโยชน์สู่ความยั่งยืน “เราต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของตนเอง และเพื่อนร่วมงาน แล้วบริษัทจะปลอดภัย น่าอยู่น่าทำงาน” ) และผู้บริหารครอบคลุมโรงงานในเขตประเทศไทยทั้ง 12 โรงงาน เพื่อแสดงความมุ่งมั่น และให้ความสำคัญการบริหารจัดการด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยในการทำงาน      

วันความปลอดภัยและอาชีวอนามัยสากล หรือ World Day for Safety and Health at Work 2023 Read More »

CPF ชูหลัก “โภชนาการแม่นยำ” พัฒนาอาหารสัตว์รักษ์โลก หนุนสุขภาพที่ดีของคน สัตว์ และสิ่งแวดล้อม

PF ชูหลัก “โภชนาการแม่นยำ” พัฒนาอาหารสัตว์รักษ์โลก หนุนสุขภาพที่ดีของคน สัตว์ และสิ่งแวดล้อม     CPF เดินหน้าพัฒนานวัตกรรมอาหารสัตว์รักษ์โลก ยึดหลักการโภชนาการแม่นยำ สรรหาสารอาหารที่ตรงกับช่วงวัยการเติบโตของสัตว์ทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ และวัตถุดิบในการผลิตอาหารสัตว์ต้องไม่มาจากแหล่งที่มีการตัดไม้ทำลายป่า จับมือพันธมิตรที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก เพื่อพัฒนาวิธีการประเมินด้านการผลิตปศุสัตว์และผลกระทบต่อสภาพสิ่งแวดล้อม หนุนสุขภาพที่ดีของคน สัตว์ และสิ่งแวดล้อม ตามแนวทางสุขภาพหนึ่งเดียว (One Health) ตอบโจทย์สร้างความมั่นคงทางอาหาร และดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนดร.ไพรัตน์ ศรีชนะ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สำนักวิชาการอาหารสัตว์ CPF เปิดเผยว่า CPF มุ่งมั่นวิจัยและสร้างสรรค์นวัตกรรมอาหารสัตว์ โดยให้ความสำคัญกับหลักโภชนาการแม่นยำ คือ การสรรหาและคิดค้นวัตถุดิบทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ เพื่อนำไปผลิตและพัฒนาสูตรอาหารสัตว์ที่ตรงกับความต้องการอาหารของสัตว์ในแต่ละช่วงวัย ช่วยให้การย่อยของสัตว์สามารถใช้ประโยชน์จากสารอาหารต่างๆ ได้ดี ลดการปลดปล่อยสารอาหารส่วนเกินสู่สิ่งแวดล้อม อาทิ ไนโตรเจน นอกจากนี้ ยังใช้นวัตกรรมการเลี้ยงไก่และสุกรด้วยจุลินทรีย์ดี “โปรไบโอติก” โดยให้ความสำคัญและมุ่งมั่นที่จะลดการใช้ยาปฏิชีวนะในการเลี้ยงสัตว์ เพื่อให้สัตว์มีสุขภาพแข็งแรงและเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ ตามหลักสุขภาพหนึ่งเดียว (One Health) คือ สุขภาพคน สัตว์ และสิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์สุขภาพของผู้บริโภค ภายใต้แนวคิดการผลิตอาหารปลอดภัย     CPF มีระบบและเครื่องมือที่มีความพร้อมด้านต่างๆ ในการผลิตอาหารสัตว์ รวมถึงการนำนวัตกรรมทางด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) มาช่วยพัฒนาสูตรอาหารสัตว์ เพื่อให้การขับของเสียจากฟาร์มปศุสัตว์น้อยที่สุด รวมถึงการจัดหาวัตถุดิบผลิตอาหารสัตว์ เช่น ข้าวโพด ปาล์มน้ำมัน กากถั่วเหลือง มันสำปะหลัง ต้องไม่มาจากแหล่งตัดไม้ทำลายป่า ซึ่งเป็นการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน”เราคิดว่าสัตว์ที่มีสุขภาพดี ก็จะได้เนื้อสัตว์หรือแหล่งโปรตีนที่ดี เพื่อส่งต่อไปยังผู้บริโภค เพื่อให้ผู้บริโภคสุขภาพดี นอกจากตัวสัตว์ ผู้บริโภค เรายังใส่ใจสิ่งแวดล้อม อยากให้สิ่งแวดล้อมดีด้วย” ดร.ไพรัตน์ กล่าว    นอกจากนี้ จากการที่บริษัทฯ ได้ร่วมกับบริษัทที่ปรึกษาระดับโลกจากเนเธอร์แลนด์ ได้แก่ บริษัท รอยัล ดีเอสเอ็ม (Royal DSM NV) ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมอาหารและปศุสัตว์ และ บริษัท Blonk Consultants องค์กรที่ให้คำปรึกษาด้านการวิเคราะห์ข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม จะช่วยเสริมศักยภาพของ CPF ในการพัฒนาอาหารสัตว์รักษ์โลก ด้วยการนำนวัตกรรมโซลูชัน “SustellTM” มาใช้วัดผลงานด้านความยั่งยืนของผลิตภัณฑ์ ด้วยการเก็บข้อมูล วิเคราะห์ และหาแนวทางลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการผลิตอาหารในธุรกิจสัตว์บก อาทิ ไก่เนื้อ ไก่ไข่ สุกร และวัวนม ทำให้สามารถวัดข้อมูลตั้งแต่วัตถุดิบ สูตรอาหาร และฟาร์ม เป็นโอกาสที่ดีที่ CPF ได้แลกเปลี่ยนและแชร์ประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล เนื่องจาก Blonk Consultants เป็นผู้ให้คำปรึกษากับหลายๆ องค์กร เช่น องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization of the United Nations : FAO) ในการพัฒนาวิธีการประเมินด้านการผลิตปศุสัตว์และการประเมินผลกระทบต่อสภาพสิ่งแวดล้อม (Livestock Environmental Assessment and Performance, LEAP) เกี่ยวกับการผลิตอาหารสัตว์       ดร.ไพรัตน์ กล่าวว่า CPF พัฒนาอาหารสัตว์รักษ์โลกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นต้นทางที่จะนำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์สีเขียว (Green Product) อาทิ อาหารสุกรที่สามารถลดปริมาณไนโตรเจนส่วนเกินที่สุกรขับทิ้งออกมาในรูปแบบของสิ่งขับถ่ายถึงร้อยละ 20-30 ซึ่งประยุกต์ใช้จากไทย ขยายไปทุกประเทศทั่วโลกที่ CPF มีฟาร์มสุกรอยู่ จากนั้นขยายผลไปยังสุกรพ่อแม่พันธุ์ สุกรรุ่นพันธุ์ การพัฒนาสูตรอาหารไก่ไข่รักษ์สิ่งแวดล้อม โดยลดการใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์ เช่น กากถั่วเหลือง เพื่อช่วยลดกลิ่นที่เกิดจากมูลสัตว์ ทำให้ปริมาณไนโตรเจนส่วนเกินลดลงร้อยละ 12-13 จากมูลไก่ไข่ และในปีนี้ มีแผนพัฒนาสูตรอาหารรักษ์โลกสำหรับธุรกิจเป็ดเนื้อครบวงจร คาดการณ์ว่า ปี 66 อุตสาหกรรมอาหารสัตว์ของไทยจะเติบโตใกล้เคียงกับปี 64 แม้จะมีปัจจัยความท้าทายจากต้นทุนวัตถุดิบในการผลิตอาหารสัตว์สูงขึ้น./ CR : CPF

CPF ชูหลัก “โภชนาการแม่นยำ” พัฒนาอาหารสัตว์รักษ์โลก หนุนสุขภาพที่ดีของคน สัตว์ และสิ่งแวดล้อม Read More »

โดรนสำหรับปศุสัตว์ เทคโนโลยีนวัตกรรมการเกษตร

โดรนสำหรับปศุสัตว์ เทคโนโลยีนวัตกรรมการเกษตร

โดรนสำหรับปศุสัตว์ โดรนกำลังกลายเป็นเครื่องมือสำคัญอย่างรวดเร็วในการจัดการปศุสัตว์ ทำให้เกษตรกรมีวิธีการใหม่ๆ ในการตรวจสอบฝูงสัตว์ของพวกเขาและปรับปรุงผลผลิต การใช้โดรนในการจัดการปศุสัตว์มีประโยชน์หลายประการ รวมถึงความแม่นยำท ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น และต้นทุนที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับวิธีการแบบดั้งเดิม การใช้งานโดรนในการจัดการปศุสัตว์ที่สำคัญอย่างหนึ่งคือการเฝ้าติดตามพฤติกรรมของสัตว์ โดรนที่ติดตั้งกล้องและเซ็นเซอร์สามารถบินเหนือฝูงสัตว์จับข้อมูลแบบเรียลไทม์เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของสัตว์ รูปแบบการให้อาหาร และพฤติกรรมอื่นๆ ข้อมูลนี้สามารถช่วยให้เกษตรกรระบุปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นหรือสัญญาณของความเครียด ช่วยให้พวกเขาสามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที ประโยชน์อีกประการของโดรนในการจัดการปศุสัตว์ คือ ความสามารถในการสำรวจทุ่งหญ้าในอากาศ เมื่อบินเหนือพื้นที่ขนาดใหญ่ โดรนสามารถระบุตำแหน่งและการกระจายของปศุสัตว์ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ข้อมูลนี้สามารถใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทุ่งหญ้า ปรับปรุงสุขภาพโดยรวมและความเป็นอยู่ที่ดีของฝูง โดรนยังมีประโยชน์ในการจัดการปศุสัตว์เพื่อติดตามสุขภาพของสัตว์แต่ละตัว เมื่อติดตั้งกล้องและเซ็นเซอร์ถ่ายภาพความร้อน โดรนสามารถตรวจจับสัญญาณการเจ็บป่วยหรือการบาดเจ็บได้อย่างรวดเร็ว ช่วยให้เกษตรกรดำเนินการรักษาสัตว์ได้ทันท่วงที สิ่งนี้สามารถเพิ่มโอกาสในการอยู่รอดของสัตว์และลดความเสี่ยงของการแพร่กระจายของโรคทั่วทั้งฝูง นอกจากประโยชน์เหล่านี้แล้ว โดรนยังคุ้มค่ากว่าวิธีการจัดการปศุสัตว์แบบดั้งเดิมอีกด้วย ด้วยการใช้โดรน เกษตรกรสามารถลดระยะเวลาและทรัพยากรที่จำเป็นสำหรับการติดตามและสำรวจฝูงสัตว์ สิ่งนี้สามารถส่งผลให้ต้นทุนลดลง ผลผลิตสูงขึ้น และความสามารถในการทำกำไรดีขึ้น ซึ่งการใช้โดรนในการจัดการปศุสัตว์เป็นการเติบโตอย่างรวดเร็ว ที่ให้ประโยชน์มากมายสำหรับเกษตรกร ด้วยความสามารถในการให้ข้อมูลแบบเรียลไทม์ ทำการสำรวจทางอากาศ และติดตามสุขภาพสัตว์ โดรนกำลังปฏิวัติวิธีการจัดการปศุสัตว์ ปรับปรุงสุขภาพโดยรวมและความเป็นอยู่ที่ดีของฝูง และเพิ่มประสิทธิภาพและผลกำไรของการทำฟาร์มปศุสัตว์ สำหรับนักธุรกิจฟาร์มขนาดกลาง ใหญ่ ที่สนใจเรามีผลิตภัณฑ์และการบริการ ที่สามารถช่วยแก้ปัญหา และสนับสนุนการเติบโตธุรกิจฟาร์ม ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ : http://www.cpffarmsolutions.com ขอแนะนำบริการอื่นๆของเราที่จะช่วยให้เกษตรผู้เลี้ยงสัตว์ ได้รับความสะดวก ประหยัด คุ้มค่ามากขึ้นด้วยเว็บไซต์สั่งซื้ออาหารสัตว์ออนไลน์ เพิ่มเติมได้ที่นี่ : https://cpffeedsolution.com/cpffeed-smart-merchant/  

โดรนสำหรับปศุสัตว์ เทคโนโลยีนวัตกรรมการเกษตร Read More »

ซีพีเอฟ ขับเคลื่อนการผลิตเนื้อสัตว์ปลอดยาปฏิชีวนะ สู่ระบบการผลิตอาหารยั่งยืน

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ มุ่งสู่ระบบการผลิตอาหารที่ยั่งยืน ยึดมั่นในหลักการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างรับผิดชอบและสมเหตุผลตลอดกระบวนการเลี้ยงสัตว์ พร้อมประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและสร้างสรรค์นวัตกรรม เพื่อร่วมลดปัญหาการเกิดเชื้อดื้อยา สัตว์มีสุขภาวะที่ดี ปลอดภัย เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม หนุนสร้างความมั่นคงทางอาหารให้คนไทย นายสัตวแพทย์ดำเนิน จตุรวิธวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สัตวแพทย์บริการวิชาการสุกร ซีพีเอฟ กล่าวว่า บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยอาหาร และใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ต้นทาง ปัจจุบัน ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ทั้งหมดของซีพีเอฟเลี้ยงในฟาร์มระบบปิดที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน GAP จากกรมปศุสัตว์ ควบคุมคุณภาพและดำเนินการตามหลักอิสระ 5 ประการ ยึดหลักการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างรับผิดชอบและสมเหตุผล ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของสัตวแพทย์ผู้ควบคุมฟาร์ม โดยจะใช้สำหรับรักษาที่จำเป็นเท่านั้นตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ และเลือกใช้ยาสำหรับสัตว์เป็นลำดับแรก ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อวัตถุประสงค์เร่งการเจริญเติบโต เพื่อลดการเกิดเชื้อดื้อยาจากการใช้ยาแบบไม่ถูกต้อง สอดคล้องกับหลักการ “สุขภาพหนึ่งเดียว” (One Health) ขององค์การอนามัยโลก ที่คำนึงถึงสุขภาพคน สุขภาพสัตว์ และสิ่งแวดล้อมเป็นองค์รวม “การจัดการหลักสวัสดิภาพสัตว์ นับเป็นเครื่องมือสำคัญในการควบคุมคุณภาพและความปลอดภัยของอาหาร เป็นการปฏิบัติต่อสัตว์อย่างมีคุณธรรมในทุกขั้นตอนการผลิตช่วยให้สัตว์มีสุขภาพแข็งแรง ไม่ป่วยง่ายและลดการใช้ยาปฏิชีวนะ นอกจากนี้ บริษัทฯ ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำของไทยศึกษาวิจัยหาจุดเสี่ยง นำไปสู่การพัฒนาแนวทางป้องกันและเพื่อลดการปนเปื้อนของเชื้อดื้อยาในผลิตภัณฑ์อาหาร ตลอดจนสิ่งแวดล้อม” นายสัตวแพทย์ดำเนินกล่าว ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังได้นำกระบวนการทำงานแบบอัตโนมัติและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการเลี้ยงสัตว์ รวมทั้งวิจัยและพัฒนานวัตกรรมหรือหาแนวทางที่ดีกว่าเพื่อยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของอาหาร ตั้งแต่ การใช้อาหารเลี้ยงสัตว์ที่เสริมโปรไบโอติกที่ผ่านการตรวจสอบว่าปลอดจากยีนดื้อยาที่เป็นปัญหาสำคัญในคน เพื่อช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันของสัตว์ดีขึ้น ส่งผลให้ซีพีเอฟมีผลิตภัณฑ์เนื้อหมู Cheeva Pork และเนื้อไก่เบญจา ที่ได้รับการรับรองไม่ใช้ยาปฏิชีวนะตลอดการเลี้ยงดู จากสถาบันตรวจรับรอง NSF บริษัทฯ ยังเพิ่มความเชื่อมั่นในความปลอดภัย โดยการตรวจสอบคุณภาพตามมาตรฐานสากล จากหน่วยงานภายในและภายนอกตลอดทั้งกระบวนการผลิต และสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ถึงแหล่งที่มาของสุกร ช่วยยืนยันได้ถึงผลิตภัณฑ์เนื้อสุกรปลอดยาปฏิชีวนะ ล่าสุด บริษัทฯ ยังนำเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) มาเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับข้อมูลต่างๆ ช่วยให้การบริหารจัดการฟาร์มและการจัดการด้านสวัสดิภาพสัตว์มีประสิทธิภาพ และเพิ่มความโปร่งใสในการตรวจประเมินยีนดื้อยาปฏิชีวนะในฟาร์ม อีกด้วย การขับเคลื่อนการใช้ยาต้านจุลชีพอย่างรับผิดชอบและสมเหตุผลในกระบวนการเลี้ยงสัตว์ของซีพีเอฟ สอดคล้องกับเป้าหมายของกรมปศุสัตว์ ในการลดปริมาณการใช้ยาต้านจุลชีพสำหรับสัตว์ในประเทศไทย เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย และช่วยส่งเสริมศักยภาพอุตสาหกรรมอาหารไทยเป็นที่ยอมรับบนเวทีโลก ที่มา  : PR CPF

ซีพีเอฟ ขับเคลื่อนการผลิตเนื้อสัตว์ปลอดยาปฏิชีวนะ สู่ระบบการผลิตอาหารยั่งยืน Read More »

CPF เดินหน้าใช้ “โปรไบโอติก” เสริมสุขภาพไก่แข็งแรง ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ สอดคล้องหลักสวัสดิภาพสัตว์

CPF เลี้ยงไก่ด้วยจุลินทรีย์ “โปรไบโอติก” นวัตกรรมสร้างภูมิคุ้มกันจากภายใน ช่วยสร้างสมดุลลำไส้ ส่งผลให้ไก่มีสุขภาพแข็งแรง ไม่ป่วย และไม่ต้องใช้ยาปฏิชีวนะ ลดปัญหาเชื้อดื้อยา เป็นไปตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ (Animal Welfare) มุ่งส่งต่ออาหารปลอดภัยสู่ผู้บริโภคดร.ไพรัตน์ ศรีชนะ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สำนักวิชาการอาหารสัตว์ CPF เปิดเผยว่า กระบวนการเลี้ยงสัตว์ของ CPF ดำเนินการตามหลักสวัสดิภาพสัตว์และใช้ยาปฏิชีวนะอย่างสมเหตุสมผล เพื่อป้องกันเชื้อดื้อยา โดยให้ความสำคัญกับหลัก 5 หัวใจการเลี้ยงสัตว์ ตั้งแต่การคัดเลือกสายพันธุ์ที่ดีและแข็งแรง พัฒนาอาหารสัตว์ที่เหมาะสมกับช่วงวัยของสัตว์แต่ละชนิด เลี้ยงในโรงเรือนที่ดี มีระบบการจัดการฟาร์มมาตรฐาน ภายใต้ระบบการป้องกันโรคที่เข้มงวด โดยนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ อาทิ ระบบการให้อาหารอัตโนมัติ การควบคุมอุณหภูมิและแสงสว่างในโรงเรือนที่เหมาะสม เพื่อให้สัตว์อยู่สบาย ลดโอกาสป่วย ทำให้ผู้บริโภคได้ทานอาหารคุณภาพปลอดภัยอย่างแท้จริง  นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคิดค้นนวัตกรรมการเลี้ยงไก่ด้วยจุลินทรีย์ดี “โปรไบโอติก” ตอบโจทย์สุขภาพของผู้บริโภค ภายใต้แนวคิดการผลิตอาหารปลอดภัย โดยให้ความสำคัญและมุ่งมั่นลดการใช้ยาปฏิชีวนะในการเลี้ยงสัตว์ จึงนำนวัตกรรมโปรไบโอติกมาใช้ในอาหารสัตว์ เพื่อทำให้เกิดการสร้างภูมิคุ้มกันจากภายใน ส่งผลให้สัตว์มีสุขภาพที่ดี แข็งแรง ไม่ป่วย จึงไม่จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะ รวมทั้งไม่ใช้ฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโตตลอดการเลี้ยงดู ทำให้เนื้อไก่ CPF ปลอดสาร ปลอดภัย ดีต่อสุขภาพของผู้บริโภค“บริษัทฯ คัดเลือกจุลินทรีย์โปรไบโอติกสายพันธุ์ที่ดีที่สุดและเหมาะสมกับสายพันธุ์สัตว์ โดยคัดโปรไบโอติกจาก 125,000 สายพันธุ์ จนได้โปรไบโอติกที่แข็งแรงที่สุดเพียง 9 สายพันธุ์ มาผสมในอาหารสัตว์ หลักการทำงานของโปรไบโอติกจะเข้าไปช่วยผลิตเอ็นไซม์ย่อยอาหารในลำไส้ของสัตว์ และปรับเปลี่ยนโครงสร้างจุลินทรีย์ให้มีจุลินทรีย์ที่ดีในทางเดินอาหาร เกิดสมดุลในร่างกาย ทำให้สัตว์มีสุขภาพแข็งแรง โดยไม่ต้องใช้ยา ซึ่งส่งผลต่อเนื่องไปถึงการลดปัญหาเชื้อดื้อยาลงด้วย” ดร.ไพรัตน์ กล่าวCPF พัฒนาสินค้าสดกลุ่ม หมู ไก่ และไข่ ภายใต้แบรนด์ “CP Selection” เป็นอีกหนึ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ ที่บริษัทฯ นำนวัตกรรมโปรไบโอติกมาใช้ในอาหารสัตว์ เพื่อยกระดับความปลอดภัยให้สินค้า ด้วยหลักการ Natural Prevention เป็นการเสริมภูมิคุ้มกันให้สัตว์แข็งแรงตามธรรมชาติ โดยได้รับการรับรองมาตรฐาน NSF และ Probiotics Fed ว่าไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ และไม่ใช้ฮอร์โมนเพื่อเร่งการเจริญเติบโตตลอดการเลี้ยงดู ตอกย้ำความเชื่อมั่นในความสด สะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐานระดับโลก./ CR : CPF

CPF เดินหน้าใช้ “โปรไบโอติก” เสริมสุขภาพไก่แข็งแรง ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ สอดคล้องหลักสวัสดิภาพสัตว์ Read More »

เตือน! “PM 2.5” แนวโน้มเพิ่มขึ้น วันนี้ กทม. พบค่าฝุ่นอยู่ในระดับสีส้ม

  กระทรวงสาธารณสุข เผยแนวโน้มฝุ่น PM 2.5 เริ่มเพิ่มขึ้น พื้นที่กทม.บางจุดคุณภาพอากาศอยู่ในระดับสีส้ม หรือเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ แนะตรวจสอบคุณภาพอากาศก่อนออกจากบ้าน กระทรวงสาธารณสุข เผยแนวโน้มฝุ่น PM 2.5 เริ่มเพิ่มขึ้น พื้นที่กทม.บางจุดคุณภาพอากาศอยู่ในระดับสีส้ม หรือเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ แนะตรวจสอบคุณภาพอากาศก่อนออกจากบ้าน  นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้หลายพื้นที่มีรายงานค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมโครกรัม หรือฝุ่น PM 2.5 เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ กทม. วันนี้พบค่าฝุ่นในระดับสีส้ม คุณภาพอากาศเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพหลายพื้นที่ ดังนั้น ขอให้ประชาชนตรวจสอบสถานการณ์ฝุ่นก่อนออกนอกบ้านจากเว็บไซต์ air4thai.pcd.go.th หรือแอปพลิเคชัน “Air4Thai” ของกรมควบคุมมลพิษ ซึ่งจะระบุค่าดัชนีคุณภาพอากาศ พร้อมระดับสี และคำแนะนำในการปฏิบัติตัว ดังนี้ -สีฟ้า ค่าฝุ่น PM 2.5 อยู่ที่ 0-25 มคก./ลบ.ม. คุณภาพอากาศอยู่ในระดับดีมาก เหมาะสำหรับกิจกรรมกลางแจ้งและการท่องเที่ยว,  -สีเขียว 26-37 มคก./ลบ.ม. คุณภาพอากาศระดับดี สามารถทำกิจกรรมกลางแจ้งและการท่องเที่ยวได้ตามปกติ ภัยเงียบ! หมอมนูญ เตือนรื้อ”หนังสือเก่าๆ”ระวังเชื้อราทำปอดติดเชื้อ ‘ฝุ่น’ แหล่งสะสมเชื้อโรคชั้นดี ทำความสะอาดง่ายๆด้วย 4 วิธีนี้ เตือน! ฝุ่นพิษ PM 2.5 ใน กทม.กลับมาแล้ว วันนี้เกินค่ามาตรฐาน 4 เขต -สีเหลือง 38-50 มคก./ลบ.ม. คุณภาพอากาศระดับปานกลาง ประชาชนทั่วไปสามารถทำกิจกรรมกลางแจ้งได้ตามปกติ ส่วนผู้ที่ต้องดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ หากมีอาการเบื้องต้น เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา ควรลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง -สีส้ม 51-90 มคก./ลบ.ม. คุณภาพอากาศเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ประชาชนทั่วไป ควรเฝ้าระวังสุขภาพ ถ้ามีอาการเบื้องต้น เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา ควรลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น  ส่วนผู้ที่ต้องดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ ควรลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น ถ้ามีอาการทางสุขภาพ เช่น ไอ หายใจลำบาก ตาอักเสบ แน่นหน้าอก ปวดศีรษะ หัวใจเต้นไม่เป็นปกติ คลื่นไส้ อ่อนเพลีย ควรปรึกษาแพทย์ ส่วนสีแดง ค่าฝุ่น PM 2.5 ตั้งแต่ 91 มคก./ลบ.ม.ขึ้นไป คุณภาพอากาศอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ ทุกคนควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีมลพิษทางอากาศสูง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น และหากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ นอกจากนี้ ขอให้ดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำสะอาดมากๆ กินอาหารให้ครบ 5 หมู่  เน้นผัก ผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ ทำความสะอาดบ้าน และอุปกรณ์ภายในบ้าน หากค่าฝุ่นเกินมาตรฐานควรหลีกเลี่ยงการออกไปทำกิจกรรมหรือออกกำลังกายกลางแจ้ง ผู้ที่มีโรคประจำตัวควรสำรองยาและอุปกรณ์ที่จำเป็นให้พร้อม และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด และควรช่วยกันลดการสร้างมลพิษทางอากาศ เช่น การใช้เตาถ่าน การจุดธูปเทียน การเผาขยะ เป็นต้น ที่มา : กระทรวงสาธารณสุข ภาพ : TNN Online

เตือน! “PM 2.5” แนวโน้มเพิ่มขึ้น วันนี้ กทม. พบค่าฝุ่นอยู่ในระดับสีส้ม Read More »

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้แก่ท่านได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงทำให้สามารถมอบข้อเสนอ กิจกรรมส่งเสริมการขาย เลือกเนื้อหาให้เหมาะสมแก่ท่านอย่างเป็นส่วนตัวได้ การเก็บและใช้งานคุกกี้สามารถศึกษาได้ที่นโยบายการใช้คุกกี้นี้ การใช้งานเว็บไซต์นี้จะมีการจัดเก็บคุกกี้ประเภทต่าง ๆ ซึ่งท่านต้องยอมรับและยินยอมให้บริษัทฯ จัดเก็บ. (เรียนรู้เพิ่มเติม)