Logo-CPF-small-65png

ข่าวน่าสนใจ

โปร่งใส–รักษ์โลก–ยั่งยืน ‘Bunge x BKP’ ยกระดับการตรวจสอบย้อนกลับ “กากถั่วเหลือง-วัตถุดิบอาหารสัตว์ยั่งยืน” ด้วยบล็อกเชนสุดล้ำ

   โปร่งใส–รักษ์โลก–ยั่งยืน ‘Bunge x BKP’ ยกระดับการตรวจสอบย้อนกลับ “กากถั่วเหลือง-วัตถุดิบอาหารสัตว์ยั่งยืน” ด้วยบล็อกเชนสุดล้ำ   กากถั่วเหลืองปลอดการตัดไม้ทำลายป่า ตรวจสอบได้ตั้งแต่แหล่งที่มา → โต๊ะอาหาร  เพื่อช่วยลดคาร์บอนในห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน Bunge → ส่งออกถั่วเหลืองจากบราซิล BKP → ตรวจสอบโปร่งใสด้วย  Blockchain CPF → ผลิตอาหารคุณภาพ สะอาด ปลอดภัย รักษ์โลก ผู้บริโภค → ได้ทานทุกคำอย่างมั่นใจMr. Julio Garros ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการร่วม Bunge และ คุณฐิติ ลุจินตานนท์ CEO BKP ลงนามความร่วมมือระดับโลกโดยมี ท่านประธานอาวุโสธนินท์ เจียรวนนท์ พร้อมผู้บริหาร CPF | คุณอดิเรก ศรีประทักษ์ ประธานคณะกรรมการบริหาร คุณประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ CEO CPF และผู้บริหารเครือฯ ร่วมเป็นสักขีพยานความร่วมมือครั้งนี้…ไม่ใช่แค่ “ดีลธุรกิจ” แต่คือ “ดีลเพื่อโลก”  ห่วงโซ่อาหารโปร่งใส เชื่อมด้วยเทคโนโลยี + นวัตกรรม + ความยั่งยืน → สู่ Net Zero 2050  

โปร่งใส–รักษ์โลก–ยั่งยืน ‘Bunge x BKP’ ยกระดับการตรวจสอบย้อนกลับ “กากถั่วเหลือง-วัตถุดิบอาหารสัตว์ยั่งยืน” ด้วยบล็อกเชนสุดล้ำ Read More »

ธุรกิจอาหารสัตว์บก ซีพีเอฟ รับ 4 รางวัลใหญ่ ในงานมอบรางวัล CP Excellence Day 2025: Sharing, Learning and Honoring

   ธุรกิจอาหารสัตว์บก ซีพีเอฟ รับ 4 รางวัลใหญ่ ในงานมอบรางวัล CP Excellence Day 2025: Sharing, Learning and Honoring    ธุรกิจอาหารสัตว์บก ซีพีเอฟ นำโดยคุณเรวัติ หทัยสัตยพงศ์ ผู้อำนวยการใหญ่ ธุรกิจอาหารสัตว์บก รวมทั้งผู้บริหารและตัวแทนคณะทำงาน ซีพีสู่ความเป็นเลิศ (CP Excellence) รับมอบรางวัลใหญ่ ดังนี้1. Holistic Excellence รางวัลความเป็นเลิศองค์รวม: Platinum Level (2025)2. Holistic Excellence รางวัลความเป็นเลิศองค์รวม: Gold Level (2022)3. Outstanding Achievement – Operation: รางวัลโดดเด่น ด้านปฏิบัติการ: Platinum Level4. Outstanding Achievement – Customer: รางวัลโดดเด่น ด้านลูกค้า: Platinum Level    การจัดงานครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อแสดงความยินดีและมอบรางวัลเกียรติยศ CP Excellence Award แก่องค์กรที่นำระบบบริหาร CP Excellence ไปใช้จนเกิดผลลัพธ์อย่างต่อเนื่อง โดยมี ดร.อาชว์ เตาลานนท์ รองประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ เป็นประธานในงาน    ภายในงานยังมีเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากองค์กรต้นแบบ นำโดย Mr. Bai Shan Lin รองประธานอาวุโส ธุรกิจสุกร ประเทศจีน และคุณยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ที่ร่วมแบ่งปันแนวคิดและประสบการณ์ในการขับเคลื่อนองค์กรด้วย CP Excellence เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน   ดำเนินการและจัดงาน โดย สำนักระบบบริหารซีพีสู่ความเป็นเลิศ บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด ในวันที่ 27 สิงหาคม 2568 ณ ห้องประชุมชั้น 21 อาคารทรู ทาวเวอร์ ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพมหานคร        

ธุรกิจอาหารสัตว์บก ซีพีเอฟ รับ 4 รางวัลใหญ่ ในงานมอบรางวัล CP Excellence Day 2025: Sharing, Learning and Honoring Read More »

จากฟาร์มขาดทุน…สู่กำไรหลักแสน ด้วย Smart Farm ที่เริ่มต้นแค่หมื่นเดียว!

“เคยเลี้ยงหมูแล้วไม่เห็นกำไรเลย” “เลี้ยงไปเหนื่อยไป แต่เงินไม่เหลือ” “แรงงานก็หายาก ค่าน้ำค่าไฟก็ขึ้น” คำพูดเหล่านี้คงเป็นเรื่องที่ฟังดูคุ้นหูสำหรับเจ้าของฟาร์มสัตว์เศรษฐกิจหลายคน โดยเฉพาะในยุคที่ต้นทุนเพิ่มขึ้นแต่ราคาขายไม่แน่นอน แต่รู้ไหมว่า วันนี้มีฟาร์มไทยหลายแห่งสามารถพลิกจากสถานะ “ขาดทุน” กลับมา “กำไรหลักแสน” ได้ภายในไม่กี่รอบการเลี้ยง และสิ่งที่ช่วยเปลี่ยนเกมก็คือ “Smart Farm” ระบบฟาร์มอัจฉริยะที่เริ่มต้นได้ด้วยงบประมาณเพียงหลักหมื่นบาท! จากปัญหาสู่จุดเปลี่ยน: แค่เปลี่ยนแนวคิด เกษตรกรเจ้าของฟาร์มสุกรขนาดกลางในภาคตะวันตก เคยเจอกับปัญหาคลาสสิกของฟาร์มทั่วไป คือ ต้นทุนสูง กำไรต่ำ หมูตายจากโรค ไม่รู้ว่าขาดทุนเพราะอะไร จนกระทั่งวันหนึ่งเขาเริ่มต้นเปลี่ยนแนวคิดจากการเลี้ยงแบบดั้งเดิม มาเป็นการเลี้ยงแบบใช้เทคโนโลยีเข้าช่วย เขาเริ่มต้นเพียงแค่ 15,000 บาท ในการติดตั้งระบบให้อาหารอัตโนมัติและเซนเซอร์วัดอุณหภูมิภายในโรงเรือน พร้อมใช้แอปพลิเคชันเก็บข้อมูลการกินอาหารของหมูแต่ละคอก ผลที่ได้คือ ภายใน 3 เดือน หมูโตเร็วขึ้น ใช้อาหารน้อยลง โรงเรือนสะอาดขึ้น และที่สำคัญที่สุด – กำไรสุทธิเพิ่มจากหลักพันเป็นหลักแสน! แล้ว Smart Farm ช่วยเพิ่มกำไรได้อย่างไร? รู้ต้นทุนแบบเรียลไทม์ = ควบคุมงบแม่นยำ ระบบบันทึกข้อมูลแบบอัตโนมัติ เช่น การใช้ไฟฟ้า อาหาร น้ำ ยา ช่วยให้เจ้าของฟาร์มสามารถคำนวณต้นทุนต่อรอบการเลี้ยงได้อย่างแม่นยำ รู้ว่าควรลด-เพิ่มอะไร ไม่ต้องรอปิดงบถึงรู้ว่าขาดทุน ลดการสูญเสีย = เพิ่มอัตรารอดชีวิต ระบบเซนเซอร์ช่วยแจ้งเตือนทันทีเมื่ออุณหภูมิในโรงเรือนสูงเกินหรือมีความผิดปกติ เช่น หมูไม่กินอาหาร ลดการสูญเสียจากโรคหรือความเครียดของสัตว์ได้มากกว่า 30–50% ระบบอัตโนมัติ = ลดแรงงาน + เพิ่มประสิทธิภาพ การติดตั้งเครื่องให้อาหารและน้ำแบบอัตโนมัติ ลดการพึ่งพาแรงงานรายวันได้อย่างมาก เหลือแรงงานแค่ 1–2 คนก็ดูแลฟาร์มได้ทั้งระบบ นอกจากนี้ยังให้อาหารได้ตรงเวลาและปริมาณ ทำให้หมูโตเร็วและสุขภาพดี AI วิเคราะห์น้ำหนักหมู = ขายจังหวะที่ได้ราคาดี ระบบวิเคราะห์พฤติกรรมและน้ำหนักสัตว์ สามารถคำนวณช่วงเวลาที่ควรขายเพื่อให้ได้ราคาสูงสุด พร้อมแจ้งเตือนล่วงหน้าให้เกษตรกรไม่พลาดโอกาส คืนทุนไว = เริ่มได้ด้วยงบไม่สูง แม้จะลงทุนในระบบอัจฉริยะ แต่ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นสามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่ 10,000–30,000 บาท และสามารถคืนทุนได้ในรอบการเลี้ยงเพียง 2–3 ครั้ง เทียบกับผลตอบแทนแล้วถือว่าคุ้มค่าอย่างมาก ฟาร์มเล็กก็ทำได้ ฟาร์มใหญ่ก็ขยายได้ ความเข้าใจผิดที่พบบ่อยคือ Smart Farm เหมาะกับฟาร์มใหญ่เท่านั้น แต่ความจริงแล้ว ฟาร์มขนาดเล็ก–กลางสามารถเริ่มต้นจากระบบใดระบบหนึ่งก่อน เช่น ระบบให้อาหารอัตโนมัติ หรือระบบบันทึกข้อมูล แล้วค่อย ๆ ขยับขยาย สำหรับฟาร์มขนาดใหญ่ Smart Farm ยังช่วยลดต้นทุนต่อหน่วย เพิ่มความแม่นยำในการจัดการหลายโรงเรือนได้พร้อมกัน ลดโอกาสผิดพลาดจากมนุษย์ และวางแผนธุรกิจได้อย่างมืออาชีพ : อย่ารอให้ขาดทุนจนสาย – เปลี่ยนวันนี้ กำไรพุ่งทันที การเปลี่ยนผ่านไปสู่ Smart Farm ไม่ใช่เรื่องใหญ่เสมอไป บางครั้งการเริ่มต้นเล็ก ๆ อย่างการรู้ต้นทุนที่แท้จริงหรือการให้อาหารตรงเวลา ก็สร้างความเปลี่ยนแปลงใหญ่ในผลกำไรได้ หากคุณกำลังเลี้ยงสัตว์แล้วรู้สึกว่าเหนื่อยแต่ไม่คุ้ม Smart Farm อาจคือทางรอดและโอกาสใหม่ที่คุณกำลังมองหา  

จากฟาร์มขาดทุน…สู่กำไรหลักแสน ด้วย Smart Farm ที่เริ่มต้นแค่หมื่นเดียว! Read More »

มื้อนี้ที่ห่วงใย … ซีพีเอฟ ส่งต่อกำลังใจสู่ศูนย์อพยพชายแดน

ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชา ซีพีเอฟเดินหน้าเคียงข้างประชาชน ส่งมอบวัตถุดิบปรุงอาหารให้ศูนย์อพยพใน 4 จังหวัดภาคอีสาน ซีพีเอฟ ห่วงใยพี่น้องประชาชน พร้อมอยู่เคียงข้างทุกวิกฤต โดย ธุรกิจสุกร ภาคอีสาน เร่งจัดตั้งศูนย์ประสานงาน 3 ศูนย์ ได้แก่ ศูนย์น้ำยืน ศูนย์ศรีสะเกษ ศูนย์สุรินทร์ เพื่อประสานการช่วยเหลือแก่ศูนย์อพยพของหน่วยงานราชการในพื้นที่ เพื่อส่งความห่วงใยผ่านมื้ออาหารของทุกคน โดยจับมือร่วมกับภาคีเครือข่ายภาครัฐ โดยได้มอบเนื้อหมูและเนื้อไก่ แก่ พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี เพื่อส่งต่อเป็นวัตถุดิบแก่ โรงครัวพระราชทาน โดยกองอำนวนการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดอุบลราชธานี  ส่วนในจังหวัดศรีสะเกษ ธุรกิจสุกร สนับสนุนเนื้อหมู เนื้อไก่ และน้ำดื่ม แก่ศูนย์รับอพยพประชาชน ที่ว่าการ อ.เบญจลักษ์,  ที่ทำการ ต.หนองหว้า, ที่ทำการผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.หนองหว้า, รพ.สต.หนองหว้า, อบต.ท่าคล้อ จำนวน 4 ศูนย์, ที่ว่าการ อ.โนนคูณ, อบต. โนนค้อ จำนวน 2 ศูนย์ และ อบต.พรหมสวัสดิ์ อ.พยุห์  โดยส่งมอบวัตถุดิบทั้งหมดแก่หน่วยงานต่างๆ ใช้ประกอบอาหาร แจกจ่ายให้กับประชาชนและอาสาสมัครต่อไป ทางด้าน โรงงานผลิตอาหารสัตว์ศรีสะเกษ ธุรกิจสุกร ร่วมสนับสนุนน้ำดื่ม CP ให้กับศูนย์พักพิง 2 ศูนย์ ในจังหวัดศรีสะเกษ ได้แก่ 1.ศูนย์พักพิง หอประชุม อ.โนนคูณ และ ศูนย์พักพิง ศาลาวัดทักษิณธรรมนิเวศน์ อ.โนนคูณ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ขณะที่ ธุรกิจไก่เนื้อ ภาคอีสาน โดย โรงงานชำแหละไก่ศรีสะเกษ เร่งสนับสนุนผลิตภัณฑ์ไก่ ในภารกิจการช่วยเหลือประชาชน ในจุดอพยพ อ.เบญจลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ จำนวน 4 จุด จำนวนผู้อพยพรวมกว่า 2,550 ราย ได้แก่ จุดอพยพ อ.เบญจลักษ์, จุดอพยพวัดคำสะอาด ต.ท่าคล้อ, จุดอพยพวัดโนนสำโรง ต.ท่าคล้อ และจุดอพยพวัดหนองบักโทน ต.ท่าคล้อ ล่าสุดสนับสนุนแก่จุดอพยพ อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี นอกจากนี้ ธุรกิจไก่ไข่ ภาคอีสาน ส่งมอบไข่ไก่ CP จำนวน 3,000 ฟอง ถึงศูนย์พักพิงผู้ประสบภัย อ.พยุห์ จ.ศรีสะเกษ และเตรียมส่งมอบแก่ อ.ไพรบึง อ.ภูสิงห์ ด้วย ซีพีเอฟ ขอส่งกำลังใจและความห่วงใย ไปพร้อมกับมื้ออาหาร ที่หน่วยงานภาคีเครือข่าย ตั้งใจปรุงเพื่อนำไปส่งมอบถึงมือพี่น้องประชาชน ให้ก้าวผ่านพ้นเหตุการณ์นี้ไปได้ด้วยความปลอดภัย./  

มื้อนี้ที่ห่วงใย … ซีพีเอฟ ส่งต่อกำลังใจสู่ศูนย์อพยพชายแดน Read More »

เลี้ยงสุกรแบบเดิมได้แค่รอด…เลี้ยงแบบ Smart Farm รวยได้จริง

ในวันที่ต้นทุนพุ่งขึ้น แต่ราคาหมูไม่แน่นอน การเลี้ยงสุกรแบบเดิม ๆ อาจทำให้คุณแค่ “อยู่รอด” แต่ไม่ “รวย” ไม่ว่าจะใช้แรงงานหนักแค่ไหน หรือประสบการณ์ยาวนานเพียงใด หากขาดข้อมูลที่แม่นยำและระบบที่ช่วยตัดสินใจแบบมืออาชีพ ก็ยากที่จะขยับจากจุดเดิมได้ ในทางตรงกันข้าม “Smart Farm” หรือระบบฟาร์มอัจฉริยะ กำลังกลายเป็นทางเลือกใหม่ของคนรุ่นใหม่ และเจ้าของฟาร์มที่มองไกล เพราะไม่ใช่แค่ช่วยลดภาระ แต่ยังช่วยเพิ่ม “กำไร” ได้อย่างชัดเจน แล้ว Smart Farm ดีกว่าเดิมอย่างไร? บันทึกข้อมูลอัตโนมัติ ไม่ต้องจด ไม่ต้องคาดเดา ปัญหาใหญ่ของการเลี้ยงหมูแบบเดิมคือ “ไม่มีข้อมูล” หรือ “มีแต่ไม่ครบ” เช่น ไม่รู้ว่าแต่ละวันให้อาหารเท่าไร หมูโตเร็วแค่ไหน หรือใช้ต้นทุนไปเท่าไรในแต่ละรอบ สิ่งเหล่านี้ล้วนสำคัญต่อการตัดสินใจ แต่ใน Smart Farm เราสามารถติดตั้งอุปกรณ์เซนเซอร์วัดอุณหภูมิ ความชื้น อัตราการกินน้ำ กินอาหาร หรือแม้แต่ระบบติดตามน้ำหนักหมูแบบเรียลไทม์ เพื่อรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเข้าสู่ระบบคลาวด์ และแสดงผลในแอปมือถือหรือ Dashboard ช่วยให้เจ้าของฟาร์มตัดสินใจได้ง่ายขึ้นและแม่นยำมากขึ้น ควบคุมต้นทุนได้แบบรู้ตัวทุกวัน ในอดีต คุณอาจจะรู้ว่าขายหมูได้ราคาเท่าไร แต่ไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้ว “ต้นทุนต่อกิโลกรัม” คือเท่าไร ระบบ Smart Farm จะวิเคราะห์ต้นทุนในแต่ละวัน เช่น อาหาร ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าจ้าง แยกตามรอบการเลี้ยง และเทียบกับผลผลิตที่ได้ ทำให้รู้ทันทีว่ารอบไหนกำไร รอบไหนขาดทุน และต้องปรับอะไรให้ดีขึ้นในรอบหน้า ใช้แรงงานน้อยลง แต่ได้ผลผลิตมากขึ้น ปัญหาแรงงานขาดแคลนในภาคเกษตรไม่ใช่เรื่องใหม่ Smart Farm ช่วยลดการพึ่งพาแรงงานได้มาก เช่น ระบบให้อาหารอัตโนมัติ เครื่องให้น้ำแบบตั้งเวลา หรือแม้แต่กล้องวงจรปิดที่สามารถดูแลฟาร์มจากมือถือ แถมยังตั้งระบบแจ้งเตือนเมื่อเกิดความผิดปกติ เช่น อุณหภูมิสูงเกิน หมูไม่กินอาหาร หรือระบบน้ำมีปัญหา ทำให้เจ้าของฟาร์มไม่ต้องอยู่หน้างานตลอดเวลา แต่ยังควบคุมฟาร์มได้เหมือนเดิม (หรือดีกว่าเดิม) ขายหมูได้จังหวะที่กำไรสูงสุด ระบบ AI Predictive Weight สามารถคาดการณ์ได้ว่าหมูแต่ละตัวจะถึงน้ำหนักเป้าหมายเมื่อไร พร้อมแจ้งเตือนช่วงเวลาที่ควรขายที่สุด (Peak Profit Window) ช่วยให้เจ้าของฟาร์มไม่ต้องขายเร็วเกินหรือช้าเกิน ทั้งยังเพิ่มโอกาสได้ราคาดีในตลาด สร้างภาพลักษณ์ฟาร์มทันสมัย ดึงดูดนักลงทุนและคนรุ่นใหม่ เมื่อฟาร์มคุณมีระบบเก็บข้อมูลที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และมีผลลัพธ์เป็นตัวเลขจริง นักลงทุนหรือพันธมิตรธุรกิจจะมองเห็นศักยภาพของฟาร์มมากขึ้น นอกจากนี้ยังดึงดูดคนรุ่นใหม่ให้สนใจกลับมาทำเกษตร เพราะไม่ต้องใช้แรงงานหนักเหมือนสมัยก่อน และสามารถวัดผลได้จริง Smart Farm เริ่มต้นไม่ยากอย่างที่คิด หลายคนอาจคิดว่าการเปลี่ยนมาเป็น Smart Farm ต้องลงทุนหลักแสนถึงหลักล้าน แต่ความจริงแล้ว คุณสามารถเริ่มจากจุดเล็ก ๆ ก่อน เช่น ติดตั้งระบบให้อาหารอัตโนมัติ หรือเก็บข้อมูลน้ำหนักหมูด้วยเซนเซอร์ แล้วค่อยต่อยอดเพิ่มขึ้นทีละขั้นในงบประมาณที่ควบคุมได้ ไม่มีคำว่าช้าเกินไป ถ้าวันนี้คุณเริ่ม หากคุณยังเลี้ยงสุกรแบบเดิมอยู่ แล้วรู้สึกว่ากำไรไม่ขยับ รายได้ไม่แน่นอน ลองเปิดใจให้เทคโนโลยีเข้าไปเป็นผู้ช่วยในฟาร์ม เริ่มต้นเปลี่ยนทีละนิด คุณจะเห็นผลลัพธ์ที่ต่างออกไป เพราะในยุคนี้ “ความรู้และข้อมูล” คือเครื่องมือทำเงินที่ทรงพลังที่สุดเลี้ยงแบบเดิมคุณอาจแค่ “อยู่ได้”แต่ถ้าอยาก “รวยขึ้น” …Smart Farm คือคำตอบที่ใช่  

เลี้ยงสุกรแบบเดิมได้แค่รอด…เลี้ยงแบบ Smart Farm รวยได้จริง Read More »

โรคสัตว์ในช่วงฤดูฝนและวิธีการป้องกัน

ฤดูฝน นอกจากจะนำความชุ่มชื้นมาสู่ธรรมชาติแล้ว ยังเป็นฤดูที่มาพร้อมความเสี่ยงสูงต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยงในฟาร์ม ไม่ว่าจะเป็นความชื้นสูง น้ำขัง อุณหภูมิที่แปรปรวน หรือสภาพแวดล้อมที่เปียกชื้น ล้วนเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เชื้อโรคต่าง ๆ เช่น แบคทีเรีย ไวรัส และปรสิตเจริญเติบโตได้ดี หากไม่ป้องกันล่วงหน้า อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อผลผลิตและต้นทุนของฟาร์มได้อย่างมหาศาล โรคที่พบบ่อยในช่วงฤดูฝน โรคปากและเท้าเปื่อย (FMD)พบในโค กระบือ และสุกร ทำให้สัตว์มีไข้ มีแผลในปากและเท้า ส่งผลให้สัตว์กินอาหารน้อยลง น้ำหนักลด โรคปอดบวม (Pneumonia)พบได้ในสัตว์ทุกชนิด โดยเฉพาะลูกสัตว์ เช่น ลูกสุกร ลูกไก่ ลูกวัว อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงและความชื้นสูงเป็นปัจจัยเสี่ยง โรคอุจจาระร่วงในลูกสัตว์ (Diarrhea)โดยเฉพาะจากเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสในน้ำดื่มหรืออาหารที่ปนเปื้อน โรคจากพยาธิภายในและภายนอกเช่น พยาธิในลำไส้ หรือไรในไก่ ที่เจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมชื้น วิธีการป้องกันโรคช่วงหน้าฝน จัดการโรงเรือนให้แห้งและสะอาด ระบายน้ำได้ดี ไม่เกิดน้ำขัง พื้นไม่ลื่น ไม่เป็นโคลน ลดการสะสมของเชื้อโรค เปิดให้มีอากาศถ่ายเท ลดความชื้นสะสม ควบคุมสุขอนามัยของฟาร์ม (Biosecurity) ล้างและฆ่าเชื้ออุปกรณ์ทุกวัน ใช้รองเท้าเฉพาะในฟาร์ม หลีกเลี่ยงบุคคลภายนอกเข้าออกโดยไม่จำเป็น เสริมภูมิคุ้มกันให้สัตว์ ฉีดวัคซีนตามกำหนด เสริมวิตามินหรือสารอาหารที่ช่วยให้สัตว์แข็งแรง ตรวจสุขภาพสัตว์เป็นประจำ จัดการน้ำและอาหารอย่างระมัดระวัง เปลี่ยนน้ำดื่มบ่อย ๆ และตรวจคุณภาพน้ำ เก็บอาหารสัตว์ในที่แห้ง ป้องกันเชื้อราและความชื้น  

โรคสัตว์ในช่วงฤดูฝนและวิธีการป้องกัน Read More »

เตือน! ระวังโรคแอนแทรกซ์ หลังพบผู้ป่วยรายแรกที่มุกดาหาร

  กรมปศุสัตว์ พบผู้ป่วยโรคแอนแทรกซ์ที่มุกดาหาร 1 ราย มีประวัติกินเนื้อโคดิบ เร่งเก็บตัวอย่างส่งตรวจหาเชื้อที่ศูนย์วิจัยและและพัฒนาการสัตวแพทย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน จังหวัดขอนแก่น เพื่อเฝ้าระวังป้องกันโรคแอนแทรกซ์ในโค กระบือ แพะ แกะ ย้ำในขณะนี้ยังไม่พบสัตว์ป่วยตายผิดปกติในพื้นที่   นายสัตวแพทย์บุญญกฤช ปิ่นประสงค์ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า ในขณะนี้พบรายงานผู้ป่วยยืนยันโรคแอนแทรกซ์ที่อำเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร โดยผู้ป่วยรายดังกล่าวได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลดอนตาล และย้ายมารักษาที่โรงพยาบาลมุกดาหาร ด้วยอาการมีแผลที่มือขวา ต่อมน้ำเหลืองโตที่รักแร้ขวา ผู้ป่วยมีประวัติชำแหละและรับประทานเนื้อโคดิบ โดยแพทย์วินิจฉัยเบื้องต้น คือ septic shock  และต่อมา ได้รับผลทางห้องปฏิบัติการรายงานผลการตรวจวิเคราะห์จากสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข  กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ยืนยันตรวจพบเชื้อแบคทีเรีย (Bacillus anthracis) ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคแอนแทรกซ์ โรคแอนแทรกซ์ (Anthrax) เป็นโรคติดต่อระหว่างสัตว์และคน โดยโรคนี้มีสาเหตุจากเชื้อแบคทีเรีย (Bacillus anthracis)  สัตว์ที่เป็นโรคนี้ส่วนใหญ่เกิดจากการหายใจเอาสปอร์ของเชื้อแบคทีเรียที่ปนเปื้อนอยู่ในดินหรือหญ้าเข้าสู่ร่างกาย หรือจากการกินน้ำและอาหารที่มีเชื้อปะปนเข้าไป เมื่อเชื้อเข้าตัวสัตว์จะเพิ่มจำนวนมากขึ้น พร้อมสร้างสารพิษทำให้สัตว์ป่วยและตายในที่สุด ในระหว่างสัตว์ป่วยเชื้อถูกขับออกมากับอุจจาระปัสสาวะหรือน้ำนม เมื่อทำการเปิดผ่าซากเชื้อสัมผัสกับอากาศจะสร้างสปอร์ทำให้คงทนในสภาพแวดล้อมได้นาน โค กระบือ แพะ แกะ ที่ป่วยมีอาการแบบเฉียบพลัน คือ สัตว์ป่วยจะตายอย่างรวดเร็ว มีเลือดสีดำคล้ำไหลออกตามทวารต่างๆ ซากไม่แข็งตัว สำหรับคนที่ทำการผ่าซากหรือบริโภคเนื้อสัตว์ป่วยด้วยโรคนี้ แบบสุกๆ ดิบๆ จะพบแผลหลุมตามนิ้วมือ แขน หรือช่องปาก และมีอาการเจ็บปวดในช่องท้องโรคนี้ทำให้คนตายได้หากตรวจพบโรคช้า สถานการณ์ ณ ปัจจุบันจากการเฝ้าระวังและค้นหาโรค ยังไม่พบสัตว์ป่วยตายผิดปกติในพื้นที่ โดยกรมปศุสัตว์ได้ดำเนินการเก็บตัวอย่าง ได้แก่ เนื้อแห้ง หนังแห้งของสุกรและโค เนื้อสัตว์และเลือดที่อยู่บนเขียงที่ใช้ในการชําแหละ อุจจาระโคเพื่อส่งตรวจหาเชื้อที่ศูนย์วิจัยและและพัฒนาการสัตวแพทย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน จังหวัดขอนแก่น ทั้งนี้ กรมปศุสัตว์ได้ดำเนินมาตรการควบคุมโรคแอนแทรกซ์ในสัตว์ที่จังหวัดมุกดาหาร โดยมีแนวทางดังนี้ 1. กักและสังเกตอาการสัตว์ภายในฝูง ร่วมกับฉีดยาปฏิชีวนะกลุ่ม penicillin อย่างน้อย 3-5 วัน 2. ขอความร่วมมือห้ามเคลื่อนย้ายสัตว์เข้าออกในพื้นที่ 3. งดนำโคไปเลี้ยงในพื้นที่แปลงหญ้า / แหล่งน้ำ หรือบริเวณที่สงสัย 4. ฉีดวัคซีนป้องกันโรคแอนแทรกซ์ในสัตว์ภายในตำบล 5. การทำลายเชื้อด้วยโซดาไฟในพื้นที่ชำแหละสัตว์ 3 จุด ได้แก่ บ้านเหล่าหมี 2 จุด และบ้านโคกสว่าง 1 จุด ทั้งนี้ ให้ทำลายเชื้อบริเวณจุดเสี่ยงที่สำคัญ เช่น ที่เชือด ท่อน้ำทิ้ง โดยเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานแต่งกายให้รัดกุม โดยการใส่ชุดป้องกันโรค มาส์กและถุงมือ 6. เฝ้าระวังและเก็บตัวอย่างในสิ่งแวดล้อมเพิ่มเติม เช่น ดินบริเวณคอกสัตว์ เพื่อตรวจหาการปนเปื้อนเชื้อ 7. ดำเนินการเฝ้าระวังสัตว์ป่วยในพื้นที่อำเภอดอนตาล 8. ประชาสัมพันธ์เตือนภัยให้เกษตรกรให้สังเกตอาการสัตว์เลี้ยง โดยมีนิยาม คือ โค กระบือ แพะ แกะตายเฉียบพลัน เลือดไหลออกจากปาก จมูก ทวารหนัก เลือดมีลักษณะไม่แข็งตัว หากพบมีอาการดังกล่าว ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ทันที และมีการเฝ้าระวังโรคร่วมกับหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ 9. เน้นประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน งดบริโภคเนื้อดิบ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ขอความร่วมมือเกษตรกรผู้เลี้ยงโค กระบือ แพะแกะ หากพบสัตว์แสดงอาการป่วยหรือตายผิดปกติโดยไม่ทราบสาเหตุแบบเฉียบพลัน ห้ามเปิดผ่าซาก ห้ามเคลื่อนย้ายซากหรือชำแหละเพื่อการบริโภค ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ อาสาปศุสัตว์ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ในพื้นที่ หรือ ผ่านทาง Application DLD 4.0 หรือโทรศัพท์สายด่วน 063-225-6888 เพื่อให้การช่วยเหลือเกษตรกรได้อย่างทันท่วงที

เตือน! ระวังโรคแอนแทรกซ์ หลังพบผู้ป่วยรายแรกที่มุกดาหาร Read More »

ระบบบริหารจัดการฟาร์มสุกรแบบครบวงจรด้วยเทคโนโลยี AI และ IoT

  ระบบบริหารจัดการฟาร์มสุกรแบบครบวงจรคิดค้นและพัฒนาขึ้นโดยทีม GATI ซึ่งมีการผสมผสาน 3 เทคโนโลยีเข้าด้วยกัน ประกอบด้วย AI, IoT, และ Automation โดยเรามอบคุณค่าทาง ESG ให้ ทั้งในด้านการประหยัดพลังงาน ลดการใช้ยาปฏิชีวนะและสร้างความโปร่งใสให้กับคู่ค้า โดยจะมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ประจำทุกคอก และรับข้อมูลเสียงเข้ามาประมวลผลและส่งออกไปในลักษณะของรายงานการแจ้งเตือนระดับการไอ ผ่าน Line Notify เพื่อให้เกษตรกรรับรู้และแก้ปัญหาได้อย่างทันท่วงที อีกทั้งยังมีระบบควบคุมสภาพแวดล้อมภายในโรงเรือน ที่สามารถดูรายงานค่าต่างๆ ที่มีความสำคัญต่อการจัดการสภาพแวดล้อมภายในโรงเรือนได้ จุดเด่น: ลดอัตราการตาย สุกรโตเร็ว ใส่ใจสุกร ประหยัดไฟ ประหยัดน้ำ ประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมเกษตร เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต– ระบบติดตามสุขภาพสุกรแบบเรียลไทม์ ช่วยให้เกษตรกรสามารถติดตามสุขภาพสัตว์ของตนได้อย่างใกล้ชิด– การแจ้งเตือนสัญญาณอันตรายเมื่อสัตว์แสดงอาการป่วย– แยกสัตว์ป่วยออกจากฝูงได้รวดเร็ว ช่วยป้องกันการระบาดของโรค– ลดอัตราการตาย ส่งผลดีต่อผลผลิตโดยรวม– ระบบควบคุมสภาพแวดล้อมอัตโนมัติ: ปรับอุณหภูมิ ความชื้น และความเร็วลมให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ส่งผลดีต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของสัตว์ ส่งผลดีต่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ลดต้นทุนการผลิต– ลดอัตราการตาย ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูและรักษาพยาบาลสัตว์– ลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ระบบควบคุมสภาพแวดล้อมอัตโนมัติช่วยประหยัดพลังงาน– ลดค่าแรงงาน ระบบอัตโนมัติช่วยลดงานที่ต้องใช้แรงงานคน เพิ่มคุณภาพของผลิตภัณฑ์– เนื้อสัตว์ปลอดภัย การติดตามสุขภาพและป้องกันโรค ช่วยให้ได้เนื้อสัตว์ที่ปลอดภัย– เนื้อสัตว์มีคุณภาพดี: สัตว์ที่มีสุขภาพดีจะให้เนื้อสัตว์ที่มีคุณภาพดีเพิ่มความยั่งยืน– ลดการใช้ยาปฏิชีวนะ การติดตามสุขภาพและป้องกันโรค ช่วยลดความจำเป็นในการใช้ยาปฏิชีวนะ– ลดมลพิษทางสิ่งแวดล้อม ลดการใช้ยาปฏิชีวนะ และการจัดการฟาร์มที่มีประสิทธิภาพ ช่วยลดมลพิษทางสิ่งแวดล้อมเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ– วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ข้อมูลสุขภาพของสัตว์สามารถนำมาวิเคราะห์เพื่อหาแนวทางปรับปรุงการเลี้ยง– เข้าถึงตลาดใหม่ เนื้อสัตว์ที่มีคุณภาพและปลอดภัย สามารถจำหน่ายในตลาดที่มีราคาสูง ระบบบริหารจัดการฟาร์มสุกรแบบครบวงจรด้วยเทคโนโลยี AI & IoT ช่วยให้เกษตรกรสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน เพิ่มคุณภาพผลิตภัณฑ์ เพิ่มความยั่งยืน และเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ

ระบบบริหารจัดการฟาร์มสุกรแบบครบวงจรด้วยเทคโนโลยี AI และ IoT Read More »

มาตรฐาน GAP สำหรับผู้เลี้ยงสุกร: แนวทางสู่การผลิตที่ปลอดภัยและยั่งยืน

มาตรฐาน GAP สำหรับผู้เลี้ยงสุกร: แนวทางสู่การผลิตที่ปลอดภัยและยั่งยืน การเลี้ยงสุกรในยุคปัจจุบันต้องเผชิญกับความท้าทายที่หลากหลาย ทั้งในด้านสุขภาพของสัตว์และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งมาตรฐาน GAP (Good Agricultural Practices) หรือแนวทางปฏิบัติที่ดีในการเกษตร ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ผู้เลี้ยงสุกรสามารถปรับปรุงคุณภาพและความปลอดภัยในการผลิตได้อย่างยั่งยืน 1. การจัดการสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัย หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของมาตรฐาน GAP คือการดูแลสิ่งแวดล้อมในฟาร์ม การบริหารจัดการของเสียและการรักษาความสะอาดของพื้นที่เลี้ยงสุกรเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อลดการแพร่กระจายของโรคและกลิ่นที่อาจส่งผลกระทบต่อชุมชนโดยรอบ ผู้เลี้ยงควรมีระบบการจัดเก็บและกำจัดของเสียที่เหมาะสม เช่น การใช้เทคโนโลยีชีวภาพในการแปรรูปของเสียให้เป็นปุ๋ยหรือพลังงานทดแทน เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์สูงสุดและลดมลพิษ 2. การดูแลสุขภาพสัตว์ การดูแลสุขภาพของสุกรเป็นอีกหนึ่งหัวใจหลักของมาตรฐาน GAP ผู้เลี้ยงควรมีการติดตามสภาพสุขภาพของสุกรอย่างใกล้ชิด ทั้งการตรวจสุขภาพประจำวันและการฉีดวัคซีนตามระยะเวลา การจัดทำประวัติการรักษาของแต่ละตัวจะช่วยให้สามารถระบุและควบคุมโรคได้อย่างทันท่วงที การใช้ยาและสารเคมีควรเป็นไปตามแนวทางที่ปลอดภัยและมีการบันทึกอย่างเป็นระบบ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดดุลยภาพตัวยาที่อาจส่งผลต่อคุณภาพเนื้อและสุขภาพของผู้บริโภค 3. การจัดการอาหารและน้ำ มาตรฐาน GAP ยังเน้นให้ผู้เลี้ยงสุกรให้ความสำคัญกับการจัดการอาหารและน้ำที่ใช้ในการเลี้ยง การคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพและปลอดภัยต่อสุขภาพของสัตว์นั้นเป็นสิ่งจำเป็น ผู้เลี้ยงควรมีการตรวจสอบคุณภาพอาหารและน้ำอย่างสม่ำเสมอ และปรับสูตรอาหารให้เหมาะสมกับช่วงอายุและความต้องการทางโภชนาการของสุกร เพื่อให้สุกรเติบโตอย่างแข็งแรงและมีประสิทธิภาพในการผลิต 4. การฝึกอบรมและการบริหารจัดการฟาร์ม มาตรฐาน GAP ส่งเสริมให้ผู้เลี้ยงมีความรู้และทักษะที่เกี่ยวข้องกับการจัดการฟาร์มที่ทันสมัย โดยการฝึกอบรมและการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้เชี่ยวชาญในวงการเกษตร นอกจากนั้น การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการบริหารจัดการฟาร์ม เช่น ระบบติดตามสุขภาพสัตว์และการวิเคราะห์ข้อมูลการผลิต จะช่วยให้ผู้เลี้ยงสามารถปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพและคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น 5. ความโปร่งใสและการตรวจสอบคุณภาพ สุดท้ายแล้ว การรักษามาตรฐาน GAP ยังเกี่ยวข้องกับความโปร่งใสในการดำเนินงานของฟาร์ม โดยการบันทึกและจัดทำรายงานผลการผลิตอย่างละเอียด ทำให้สามารถตรวจสอบและรับรองความปลอดภัยของสินค้าได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ การเข้าร่วมการตรวจสอบจากหน่วยงานภายนอกและการรับรองมาตรฐานจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับฟาร์มและเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคในผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน ด้วยการนำแนวทาง GAP มาประยุกต์ใช้ ผู้เลี้ยงสุกรจะสามารถผลิตสินค้าได้อย่างมีคุณภาพ ปลอดภัยต่อผู้บริโภค และยังส่งเสริมการพัฒนาฟาร์มที่ยั่งยืนในระยะยาว สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับฟาร์มและชุมชนรอบข้างอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพในทุกขั้นตอนของการผลิต

มาตรฐาน GAP สำหรับผู้เลี้ยงสุกร: แนวทางสู่การผลิตที่ปลอดภัยและยั่งยืน Read More »

ท่านประธานกรรมการสุภกิต เจียรวนนท์ เยี่ยมชมบูธธุรกิจเกษตรภัณฑ์ ในงาน VIV Asia 2025 งานแสดงสินค้าอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ที่ใหญ่และครบวงจรที่สุดในเอเชีย

เมื่อเร็วๆ นี้ ท่านประธานกรรมการสุภกิต เจียรวนนท์ ประธานกรรมการเครือเจริญโภคภัณฑ์ พร้อมด้วย คุณอดิเรก ศรีประทักษ์ รองประธานอาวุโสเครือซีพี และประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ นำทีมผู้บริหารระดับสูงเข้าเยี่ยมชมบูธของ กลุ่มธุรกิจเกษตรภัณฑ์ (KSP – KPI) พร้อมทั้ง CP BIO, Famsun, Phibro Animal Health (Thailand) และ ธุรกิจอาหารโค CPF ภายในงาน VIV Asia 2025 ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ที่ใหญ่และครบวงจรที่สุดในเอเชีย ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ไฮไลต์สำคัญของการเยี่ยมชมครั้งนี้ คือ การเปิดตัว “ข้าวโพดหมักซีพี” ราชาแห่งอาหารหยาบ นวัตกรรมทางเลือกใหม่สำหรับเกษตรกรผู้เลี้ยงโค แพะ และแกะ (สัตว์เคี้ยวเอื้อง) ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากผู้ร่วมงานเครือซีพีมุ่งมั่นพัฒนาโซลูชันเพื่อสนับสนุนเกษตรกรและอุตสาหกรรมอาหารสัตว์อย่างยั่งยืน พร้อมผลักดันเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ตอบโจทย์ความต้องการของภาคปศุสัตว์และอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ในอนาคต  

ท่านประธานกรรมการสุภกิต เจียรวนนท์ เยี่ยมชมบูธธุรกิจเกษตรภัณฑ์ ในงาน VIV Asia 2025 งานแสดงสินค้าอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ที่ใหญ่และครบวงจรที่สุดในเอเชีย Read More »

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้แก่ท่านได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงทำให้สามารถมอบข้อเสนอ กิจกรรมส่งเสริมการขาย เลือกเนื้อหาให้เหมาะสมแก่ท่านอย่างเป็นส่วนตัวได้ การเก็บและใช้งานคุกกี้สามารถศึกษาได้ที่นโยบายการใช้คุกกี้นี้ การใช้งานเว็บไซต์นี้จะมีการจัดเก็บคุกกี้ประเภทต่าง ๆ ซึ่งท่านต้องยอมรับและยินยอมให้บริษัทฯ จัดเก็บ. (เรียนรู้เพิ่มเติม)