Logo-CPF-small-65png
การเลี้ยงไก่ไข่หน้าร้อน

การเลี้ยงไก่ไข่หน้าร้อนให้ประสบความสำเร็จ อ่าน 2 แนวทางที่แนะนำจากผู้เชี่ยวชาญซีพีเอฟ-Recommened by Expert

ปัจจุบันการเลี้ยงไก่ไข่ของเกษตรกรในประเทศไทยส่วนใหญ่จะอยู่ภายในโรงเรือนปิด ที่เรียกว่า Evaporative Cooling System หรือที่นิยมเรียกกันว่า โรงเรือนอีแวป (Evap) ซึ่งทำให้แม่ไก่อยู่สบายมากขึ้นในช่วงที่อากาศภายนอกเล้า สูงกว่า 35 C ทำให้ผลกระทบเรื่องอากาศร้อนต่อการให้ผลผลิตของแม่ไก่น้อยกว่าแม่ไก่ที่เลี้ยงอยู่ในโรงเรือนเปิด ปกติแล้วอุณหภูมิที่เหมาะสมต่อความเป็นอยู่ของแม่ไก่ อยู่แล้วสบาย จะอยู่ในช่วงประมาณ 18-25 C นอกจากไก่เป็นสัตว์ที่ไม่มีต่อมเหงื่อคอยช่วยทำหน้าที่ระบายความร้อนเหมือนกับมนุษย์หรือสัตว์ประเภทอื่นแล้ว ขนที่ปกคลุมอยู่บนตัวไก่ก็เป็นอีกอุปสรรคหนึ่งในการระบายความร้อนของแม่ไก่ ดังนั้นเวลาที่อุณหภูมิภายในเล้าอยู่ที่ประมาณ 26-32 C แม่ไก่ก็จะกินอาหารได้ลดลง แต่จะกินน้ำเพิ่มขึ้น เพื่อลดความร้อนที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย ถ้าอุณหภูมิในเล้าสูงเกิน 35 C แม่ไก่ก็จะแสดงอาหารหอบ กางปีก หมอบกับพื้นกรง เกิดภาวะเครียดจากความร้อน หรือที่เรียกว่า Heat Stress (ขบวนการทางฮอร์โมนในร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลง) แต่ถ้าอุณหภูมิในเล้าสูงเกินกว่า 39 C ก็จะมีผลทำให้แม่ไก่เริ่มทยอยตาย (ปกติอุณหภูมิร่างกายของไก่อยู่ที่ 41.2C) ผลของการเลี้ยงไก่ไข่ในเล้าที่มีอุณภูมิสูงหรือในสภาพอากาศร้อน 1.การให้ผลผลิตไข่ลดลง ขนาดฟองไข่เล็กลง คุณภาพเปลือกด้อยลง เนื่องจากแม่ไก่กินอาหารได้ลดลง ทำให้แม่ไก่ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอต่อการสร้างไข่ 2.แม่ไก่จะแสดงอาการหอบ นอกจากแม่ไก่สูญเสียพลังงานไปกับการหอบเพื่อระบายความร้อนแล้ว การหอบยังมีผลทำให้แม่ไก่สูญเสีย CO2 ที่จะแม่ไก่จำเป็นต้องใช้ในขบวนการการสร้างไข่ ซึ่งส่งผลทำให้คุณภาพเปลือกไข่ด้อยลง เช่น เปลือกบางลง สีซีดลง เป็นต้น 3.มูลไก่จะมีลักษณะเหลวขึ้น เนื่องจากแม่ไก่ต้องกินน้ำเพิ่มขึ้น โดยปกติถ้าแม่ไก่อยู่ในเล้าที่อุณหภูมิอยู่ในช่วง 18-25C สัดส่วนการกินน้ำต่ออาหารของแม่ไก่จะอยู่ที่ 1.8-2.0 เท่าของอาหารที่กินได้ แต่ถ้าอากาศภายในเล้าร้อนขึ้น สัดส่วนการกินน้ำต่ออาหารอาจเพิ่มขึ้นเป็น >2.6 เท่าของอาหาร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิที่แม่ไก่รู้สึก ณ เวลานั้นๆ 4.ตัวตายต่อวันจะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับมาตรฐานการเลี้ยง ซึ่งการตายของแม่ไก่ที่มีสาเหตุจากอากาศร้อน จะพบว่าแม่ไก่มักจะตายเยอะในช่วงเวลาบ่าย ช่วงที่อากาศร้อนจัด และพบว่าแม่ไก่ที่ตัวอ้วนๆ จะตายมากกว่าตัวที่มีน้ำหนักตัวได้ตามมาตรฐาน หรือตัวที่ผอม และเมื่อผ่าซากดูจะพบวิการตับแตก เนื้อหน้าอกขาวซีด อุณหภูมิในช่องท้องค่อนข้างสูง แนะนำ 2แนวทางการจัดการเลี้ยงไก่ไข่ในโรงเรือนเปิด ในช่วงอากาศร้อน 1.ด้านโรงเรือน 1.1 ลดการแผ่ความร้อนจากหลังคาโรงเรือนมาสู่ตัวไก่ โดยการติดสปิงเกอร์บนหลังคาโรงเรือน การเปิดสปริงเกอร์ ควรเปิดก่อนที่อากาศภายนอกจะร้อนเพื่อลดการสะสมของความร้อนที่หลังคา เช่นเปิดสปริงเกอร์ตั้งแต่ เวลา 9:30 – 16:00 น. เป็นต้น หรือการทำหลังคาชั้นที่ 2 ด้วยหญ้าคา, ใบจาก ต่อจากหลังคาสังกะสีหรือกระเบื้อง 1.2 ติดตั้งพัดลมภายในเล้า เพื่อระบายอากาศร้อนออกจากตัวไก่และโรงเรือน 1.3 การติดตั้งระบบพ่นหมอกภายในโรงเรือนร่วมกับพัดลมระบายอากาศ 1.4 ติดตั้งผ้าม่านป้องกันแสงแดดส่องเข้าภายในเล้า หรือใช้การปลูกต้นไม้รอบๆโรงเรือน เช่น ต้นกล้วย แต่ทั้งนี้ผ้าม่านจะต้องไม่ไปปิดกันทิศทางลมธรรมชาติที่จะเข้าเล้า 2. ด้านน้ำและอาหาร 2.1 จัดเตรียมน้ำสะอาดที่มีอุณหภูมิ ประมาณ 20-25C ให้แม่ไก่ได้กินตลอดช่วงที่อากาศร้อน หรือเติมน้ำแข็งลงในถังพักน้ำเพื่อปรับลดอุณหภูมิของน้ำก่อนให้ไก่กิน 2.2 อย่าให้ถังพักน้ำหรือท่อน้ำที่ให้ไก่กินถูกแสงแดดส่อง เพราะจะทำให้อุณหภูมิของน้ำที่อยู่ภายในสูงขึ้น ทำให้ไก่กินน้ำลดลง 2.3 ผสมไวตามิน เช่น ไวติมิน C, A, E และ Bรวม หรือไวตามิน+กรดอะมิโน ในน้ำที่ให้ไก่กิน ซึ่งช่วงเวลาที่เหมาะสมในการให้ไวตามิน C คือ ช่วงเวลาก่อนที่อากาศจะเริ่มร้อน อาจจะเป็นช่วง 9:00 – 10:00 โมง (ขึ้นอยู่ในแต่พื้นที่) นอกจากนั้นการเสริมสารอิเล็คโตไลน์ในน้ำก็สามารถช่วยลดภาวะ Heat Stress ในแม่ไก่ลงได้ 2.4 หลังจากให้น้ำที่ผสมไวตามินเลร็จเรียบร้อย ต้องคอยหมั่นทำความสะอาดรางน้ำหรือท่อนิปเปิล เพื่อป้องกันการสะสมของเมือกภายในรางน้ำหรือท่อน้ำกิน ซึ่งอาจจะทำให้เกิดปัญหาไก่ท้องเสียตามมาได้ 2.5 ให้อาหารมื้อเช้าให้เร็วขึ้น อาจจะเป็นช่วงเวลา 5:00 – 6:00 โมง เป็นต้น ส่วนมื้อบ่ายก็ให้ในช่วงที่อากาศเริ่มเย็น เช่น เวลา 17:00 – 18:00 น. ร่วมกับการเปิดไฟช่วงเวลา 23:00 – 01:00 น.ให้ไก่ตื่นขึ้นมากินอาหารเพิ่มจากโปรแกรมแสงปกติ 2.6 ควรงดการกระตุ้นการกินอาหารหรือเดินเกลี่ยอาหารในรางในช่วงที่อากาศร้อน เช่น ช่วงเวลา 12:00 – 14:00 น. เพราะจะทำให้แม่ไก่เกิดการเคลื่อนไหว เกิดการสร้างความร้อนขึ้นมาได้ 2.7 เลือกใช้อาหารที่มีความสมดุลของโปรตีนและพลังงานให้เหมาะสมต่อความต้องการของแม่ไก่ เพื่อลดการสูญเสียพลังงานในการขับสารอาหารส่วนเกินออกจากร่างกาย CR :  ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารสัตว์ คุณสมเจต

การเลี้ยงไก่ไข่หน้าร้อนให้ประสบความสำเร็จ อ่าน 2 แนวทางที่แนะนำจากผู้เชี่ยวชาญซีพีเอฟ-Recommened by Expert Read More »

จัดการฟาร์ม-อีแวป4

โรงเรือนอีแวป ระบบอินเวอร์เตอร์ มีแล้วใช้ประโยชนให้เต็มประสิทธิภาพ (ตอนที่ 4)

การจัดการฟาร์ม โรงเรือนอีแวป มาต่อกันเลยครับ    นอกจากอุณหภูมิแล้วยังมีอีก 3 ปัจจัยที่มีผลต่อความสบายของสุกร (pig Comfort) นั่นคือ ความชื้น ความเร็วลมและความต้องการอากาศ ในช่วงความชื้นต่ำเกินไปผลที่เกิดขึ้นกับสุกรคือ เยื่อบุโพรงจมูกแห้ง ลอกหลุด สุกรจะจามมากขึ้น โอกาสติดเชื้อมากขึ้น จากฝุ่น (endotoxin) กดภูมิคุ้มกัน     สำหรับประเทศไทยช่วงความชื้นต่ำมีโอกาสเกิดน้อยมากส่วนใหญ่เกิดในฤดูหนาวช่วงสั้นๆสามารถแก้ปัญหาได้ง่ายโดยการเปิดน้ำแพดให้ชุ่มด้านบนของแพดช่วงสั้นๆประมาณ 1 ฟุตเพื่อเพิ่มความชื้นในโรงเรือน ในช่วงความชื้นสูงเกินไปผลที่เกิดขึ้นกับสุกรคือ การระเหยที่ผิวหนังเกิดได้น้อย ทำให้ไม่สามารถทำให้ร่างกายเย็นลงได้ (สุกรไม่มีต่อมเหงื่อเหมือนมนุษย์การทำให้ร่างกายเย็นลงต้องอาศัยการระเหยน้ำจากผิวหนัง) จึงมีปัญหามากถ้าเกิดร่วมกับอุณหภูมิที่สูง โอกาสติดเชื้อมากขึ้นถ้าอุณหภูมิสูง กดภูมิคุ้มกันเนื่องจากสุกรมีความเครียดสูง       ถ้าจะทำความเข้าใจถึงความเครียดของสุกรในขณะที่ความชื้นสูงและอุณหภูมิสูงให้เราลองอาบน้ำในห้องน้ำที่มีแค่ช่องระบายลมเล็กๆ ในวันที่มีฝนตกและอากาศร้อน เมื่ออาบน้ำเสร็จแล้วให้ยืนนิ่งๆ อยู่ในห้องน้ำซักครึ่งชั่วโมง ความรู้สึกอึดอัดนั้นคือความรู้สึกของสุกร ที่สำคัญสุกรไม่สามารถเดินหนีออกมาจากห้องน้ำได้ ต้องทนอยู่กับความรู้สึกแบบนั้นไปตลอดจนกว่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงในโรงเรือน      เราสามารถดูว่าความชื้นและอุณหภูมิร่วมกัน จะสร้างความเครียดให้สุกรหรือไม่ โดยนำค่าอุณหภูมิเป็นองศาฟาเรนไฮต์รวมกับค่าความชื้นสัมพัทธ์ ถ้าเกิน 170 ถือว่าสุกรอยู่ไม่สบาย ดังนั้นเราต้องบริหารค่าความสบายของสุกรให้ไม่เกิน 170 นั่นเอง การตอบสนองของสุกรต่อความเร็วลม ในช่วงความเร็วลมต่ำกว่าความต้องการของสุกร ผลที่เกิดขึ้นกับสุกรคือ ถ้าอุณหภูมิสูงสุกรจะนอนหอบ กินอาหารน้อย ลดกิจกรรม แช่น้ำ ตัวสกปรก ไอหรือจามถ้าโรงเรือนมีแก๊สมาก ลดภูมิคุ้มกัน     ในบ้านเรามีอุณหภูมิที่สูงกว่าความต้องการของสุกรเป็นส่วนใหญ่ แม้แต่ลูกสุกรอายุ 3-4 สัปดาห์ยังต้องการอุณหภูมิที่ 32-34 องศาเซลเซียส นั่นแปลว่าถ้าอุณหภูมิทั่วๆ ไปสูงกว่า 34 องศาเซลเซียส สุกรก็จะรู้สึกร้อน ความเร็วลมจึงเป็นปัจจัยหลักที่สามารถนำมาช่วยให้สุกรรู้สึกสบายได้      ที่อายุสุกร 19 สัปดาห์ขึ้นไป อุณหภูมิที่สุกรต้องการไม่เกิน 28 องศาเซลเซียส  ถ้าโรงเรือนอีแวปของเรามีคุณภาพสูงสามารถกดอุณหภูมิลงได้ 10 องศา แปลว่าอุณหภูมิภายนอกโรงเรือนสูงได้ไม่เกิน 38 องศาเซลเซียส ซึ่งทุกวันนี้อุณหภูมิภายนอกอาจสูงกว่า 40 องศาด้วยซ้ำ นอกจากนั้นท่านแน่ใจหรือไม่ว่าคุณภาพโรงเรือนสามารถกดได้ถึง  10 องศาจริง จากประสบการณ์พบว่าฟาร์มที่ไม่มีการติดตามเรื่องสภาพแวดล้อมอย่างจริงจังมีโอกาสสูงมากที่โรงเรือนอยู่ในสภาพที่กดอุณภูมิได้แค่ 4-7 องศาเท่านั้น และหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้โรงเรือนไม่สามารถกดอุณหภูมิได้ถึง 10 องศาเซลเซียสก็คือความเร็วลมไม่พอนั่นเอง    อีกปัจจัยที่ต้องระวังถ้าความเร็วลมต่ำ คือเรื่องแก๊สที่เป็นอันตรายต่อคนและสุกร     เราต้องรู้ว่าโรงเรือนของเรามีค่า Air Exchange ไม่เกิน 1 นาทีที่ความเร็วลมเท่าไหร่ เราจะได้วางแผนเรื่องการโช้คแก๊สออกจากโรงเรือนได้ ในช่วงความเร็วลมสูงกว่าความต้องการของสุกร ผลที่เกิดขึ้นกับสุกรคือ ถ้าอุณหภูมิสูงสุกรจะนอนหอบ กินอาหารน้อย ลดกิจกรรม แช่น้ำ ตัวสกปรก ถ้าอุณหภูมิต่ำ สุกรจะนอนสุม ลดภูมิคุ้มกัน    ถ้าอุณหภูมิที่หมูรู้สึก (EET-Effective Environment Temperature) ต่ำกว่า 32 องศาเซลเซียสผู้เลี้ยงต้องระวังเป็นพิเศษสำหรับสุกรที่มีอายุต่ำกว่า 8 สัปดาห์ เนื่องจากมีโอกาสที่สุกรจะเกิดความเครียดเนื่องจากโดนลมโกรก (Wind Chill) ความหมายคือแม้อุณหภูมิห้องจะสูงกว่า   ความต้องการของสุกรแต่ความเร็วลมที่สูงเกินไปจะทำให้สุกรรู้สึกหนาวนั่นเอง จึงเป็นเหตุผลหลักที่การเลี้ยงสุกรช่วงอนุบาลต้องมีความพร้อมด้านพื้นรองนอน ไฟกกและพื้นที่นอนที่สามารถป้องกันลมโกรกได้ อีกปัจจัยที่มีผลต่อความสบายของสุกรคือ ความต้องการอากาศ ซึ่งเราจะมาทำความเข้าใจกันการจัดการฟาร์มในตอนต่อไปครับ CR: โค้ช วิทธ์

โรงเรือนอีแวป ระบบอินเวอร์เตอร์ มีแล้วใช้ประโยชนให้เต็มประสิทธิภาพ (ตอนที่ 4) Read More »

จัดการฟาร์ม-อีแวป3

โรงเรือนอีแวป ระบบอินเวอร์เตอร์ มีแล้วใช้ประโยชน์จัดการฟาร์มให้เต็มประสิทธิภาพ ตอนที่3

สวัสดีครับ เรามาต่อกัน ในรายละเอียดการจัดการฟาร์ม-โรงเรือนอีแวป ระบบอินเวอร์เตอร์ กันนะครับ ก่อนที่เราจะสังเกตถึงพฤติกรรมของสุกรต่ออุณหภูมิวิกฤต เบื้องต้นเราควรเข้าใจถึงวิธีการประเมินความสบายของสุกร (Pig Comfort) โดยมีสิ่งที่เราต้องสังเกตดังนี้ การนอน การหายใจ การกินอาหาร ความกระตือรือร้น การนอน ท่านอนที่ที่บอกถึงความสบายของสุกรคือการนอนเต็ม พื้นที่ของลำตัวด้านข้าง เหยียดขาออกไปตรงๆเท่าที่พื้นที่ จะเอื้ออำนวย  ทุกส่วนแนบกับพื้นแบบสบายสบาย ถ้าเป็นคอกขังรวมจะนอนแบบลำตัวแนบชิด อาจมีการก่ายขากันบ้างถ้าอยู่ในพื้นที่แคบ การหายใจ สุกรที่อยู่สบายสบายจะมีอัตราการหายใจไม่เกิน 40 ครั้ง/นาที วิธีนับคือหายใจเข้าจนสุดแล้วหายใจออกจนสุด นับ 1 ถ้าสุกรหายใจเกิน 40 ครั้ง/นาที ถือว่ามีการหอบ ถ้าอากาศร้อนมากๆอัตราการหายใจ/นาที่ จะยิ่งมากขึ้นตามลำดับความร้อนของอากาศ การกินอาหาร สุกรที่อยู่สบายสบาย จะกินอาหารได้มาก จึงเป็นการวิเคราะห์เบื้องต้นถึงสุขภาพสุกร กล่าวคือในเวลาที่สุกรกินอาหารเราควรเดินดูว่าสุกรกินอาหารได้หรือไม่ ตัวที่ไม่กินอาหารมีโอกาสเป็นสุกรป่วย อย่างไรก็ตามถ้าสุกรอยู่ไม่สบายหรือเครียดจากสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสมก็จะกินอาหารลดลงทำให้ได้สารอาหารไม่ครบตามที่ควรจะได้     ความกระตือรือร้น สุกรเป็นสัตว์ที่อยากรู้อยากเห็นมีความสนใจต่อทุกๆสิ่งรอบๆตัวโดยเฉพาะสิ่งใหม่ๆ ดังนั้นเมื่อเราเดินเข้าไปในโรงเรือนถือเป็นสิ่งใหม่ สุกรจะเข้ามาดูและทักทายเรา นอกจากนั้นหลังสุกรนอนจนเต็มอิ่ม พฤติกรรมวิ่งเล่นอยอกล้อถือเป็นเรื่องปกติ ดังนั้นถ้าเราเข้าไปในโรงเรือนแล้วสุกรไม่สนใจเราหรือเอาแต่นอน นั่นเป็นข้อสังเกตว่าสภาพแวดล้อมอาจไม่เหมาะสมต่อความต้องการของสุกร เมื่อเราเข้าใจแล้วว่าสุกรที่มีความสุขอยู่สบายไม่เครียดมีพฤติกรรมอย่างไร ต่อไปเป็นการเรียนรู้ถึงพฤติกรรมของสุกรต่ออุณหภูมิวิกฤต ดังที่กล่าวไว้ในตอนที่ 2 ว่าสุกรจะมีการตอบสนองต่ออุณหภูมิวิกฤตเพื่อความอยู่รอดและมีการใช้อาหารที่กินเข้าไปพื่อต่อสู้กับสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เป็นผลให้ผลผลิตและประสิทธิภาพต่ำกว่าที่ควรจะเป็น จึงเป็นสิ่งที่ผู้เลี้ยงทุกๆท่านต้องทำความเข้าใจ อีกเรื่องสำคัญของการจัดการในโรงเรือน ในช่วง Lower Critical Temperature สิ่งที่สุกรแสดงพฤติกรรมตอบสนองคือ รวมกลุ่มชิดกัน/ชิดผนัง สัมผัสกับพื้นน้อยลง อุณหภูมิร่างกาย 39องศา กินอาหารเพิ่มมากขึ้น หนาวสั่น ลดภูมิคุ้มกัน ในช่วง Upper Critical Temperature สิ่งที่สุกรแสดงพฤติกรรมตอบสนองคือ กระจายตัวออก สัมผัสพื้นมากยิ่งขึ้น หอบ อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น การกินอาหารลดลง คอกเลอะเทอะ เล่น และแช่น้ำ หายใจ >40ครั้งต่อนาที ลดภูมิคุ้มกัน ในช่วง Optimal Temperature สิ่งที่สุกรแสดงพฤติกรรมตอบสนองคือ การสัมผัสกับตัวอื่นปกติ นอกเป็นกลุ่ม นอนกระจายตัว มีการสัมผัสพื้นเต็มที่ นอนในท่าที่ขาเหยียดยาวออก อุณหภูมิร่างการ 38.8-39.2องศา การกินอาหารปกติ พฤติกรรมปกติสนใจสิ่งต่างๆรอบตัว หายใจ 20-30 ครั้งต่อนาที สุกรตัวที่นอนแยกกลุ่มจะมีลำดับความสำคัญสูง สุกรที่นอนอยู่ริมกลุ่มจะมีลำดับ(order)ที่ต่ำ สภาพแวดล้อมมิได้มีเฉพาะอุณหภูมิ ตอนที่ 4 เราจะพูดถึงเครื่องมือที่ช่วยให้สุกรอยู่แบบสบายสบายไม่เครียดอีก 3 ตัวครับ CR: โค้ชวิทธ์ สารบัญ การจัดการโรงเรือนอีแวป ระบบอินเวอร์เตอร์… ตอนที่1 การจัดการโรงเรือนอีแวป ระบบอินเวอร์เตอร์… ตอนที่2

โรงเรือนอีแวป ระบบอินเวอร์เตอร์ มีแล้วใช้ประโยชน์จัดการฟาร์มให้เต็มประสิทธิภาพ ตอนที่3 Read More »

ลงทุนเลี้ยงไก่ไข่ไม่เกิน 2,000 ตัว ต้องใช้งบเท่าไหร่

  การเลี้ยงไก่ไข่และลงทุนการเลี้ยงไก่ไข่ไม่เกิน 2,000ตัว ต้องใช้งบลงทุนเท่าไหร่ วันนี้เรามีคำตอบมาให้ทุกท่านแล้ว มาติดตามกันได้เลย การเลี้ยงแบบนี้เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังเริ่มต้นเรียนรู้ หรือการใช้ชีวิตแบบพอเพียง เพื่อต้องการศึกษา เรียนรู้ เก็บเกี่ยวประสบการณ์และทำความเข้าใจในการเลี้ยงไก่ไข่ เมื่อเกิดความชำนาญและเข้าใจถี่ถ้วนแล้วจะขยับขยายเพิ่มเติมจนเป็นฟาร์มที่มีขนาดใหญ่ขึ้นก็สามารถทำได้ ทั้งนี้อาจขึ้นอยู่กับงบประมาณการลงทุนของแต่ละคน CR: คุณ สมศักดิ์ แก้วสะอาด ผู้ชำนาญการไก่ไข่

ลงทุนเลี้ยงไก่ไข่ไม่เกิน 2,000 ตัว ต้องใช้งบเท่าไหร่ Read More »

true digital cow ear tag

True digital cow ear tag แท็กติดหูวัวอัจฉริยะ เช็คระยะสัดแม่นยำในการผสมเทียมวัว เช็คสุขภาพวัวป่วย

CPF ผนึกกำลัง ทรู และ AllFlex เปิดตัวโซลูชันติดตามพฤติกรรมปศุสัตว์ ตรวจสัดแม่นยำ เช็คระยะสัด ยกระดับการจัดการฟาร์มโคครั้งแรกในไทย   คุณพูนศักดิ์ ทองพิทักษ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ผู้บริหารกิจการอาหารโค ธุรกิจอาหารสัตว์บก ซีพีเอฟ พร้อมด้วย คุณเอกราช ปัญจวีณิน กรรมการผู้จัดการ ธุรกิจไอโอทีและดิจิทัลโซลูชัน ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป และ มร.เยรุน แวน เดอ เวน กรรมการผู้อํานวยการฝ่ายปฏิบัติการ AllFlex (ออลเฟล็กซ์) ผู้นำนวัตกรรมด้านปศุสัตว์ระดับโลก ด้าน Cow Monitoring ร่วมแถลงข่าว เปิดตัวโซลูชันติดตามพฤติกรรมปศุสัตว์ครั้งแรกในไทย นำนวัตกรรมชั้นนำของโลก แท็กติดหูวัวอัจฉริยะ มาช่วยแจ้งเตือน และ คำนวณช่วงเวลาการเป็นสัดของโค เพื่อความแม่นยำในการผสมพันธุ์ รวมถึงปัญหาด้านสุขภาพ ยกระดับมาตรฐานการปศุสัตว์และกระบวนการผลิตของไทย และเป็นการสร้างโอกาสในการขยายฟาร์ม ปัจจุบัน ซีพีเอฟ ทดลองใช้ระบบนี้ดังกล่าว ที่ฟาร์มวังม่วง ซึ่งเป็นฟาร์มในเครือซีพีและศูนย์เรียนรู้ เพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยี และให้บริการแก่เกษตรกรลูกค้าอาหารโคของบริษัทฯ ชมคลิป https://www.facebook.com/cattlefeedcpfth/videos/2459066121074446/ เสียงตอบรับจากผู้ใช้จริง  คุณ วราภรณ์ เกนขุนทด  เจ้าของ วราภรณ์ฟาร์ม อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี   >>>ชมคลิป True digital cow ear tag แท็กติดหูวัวอัจฉริยะ เช็คระยะสัด ทรูดิจิตอลคาวออกแบบมาเพื่อเกษตรกรโคนมและโคเนื้อในประเทศไทยโดยเฉพาะเป็นการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อเพิ่มผลผลิตเพิ่มประสิทธิภาพการเลี้ยงดูและยกระดับภาคอุตสาหกรรมโคของเรานั้นเองให้ก้าวไปสู่ยุค 4.0 โดยหลักๆจะเป็นการนำเซ็นเซอร์นำอุปกรณ์ไปติดที่หูวัวเพื่อที่จะจับพฤติกรรมของวัว หลักการทั่วไปคือติดเซ็นเซอร์เพื่อให้เซ็นเซอร์จับพฤติกรรม การเคลื่อนไหว การเดิน กากนอน การกิน จำนวนรอบการเคี้ยวเอื้องต่อวัน แล้วนำทั้งหมดนี้มาประมวลผลเพื่อแจ้งเตือนเกษตรกร ถามว่าทำไมจะต้องดูสิ่งเหล่านี้ เกษตรกรโคนมสิ่งที่จะได้เป็นรายได้ก็คือ น้ำนม และลูกวัวที่ถูก เราจึงต้องการให้ได้สิ่งที่ดีมากที่สุดซึ่งการจะทำสิ่งนี้ได้จะต้องแปลว่าเข้าต้องผสมพันธุ์วัวให้ได้ดีที่สุดและจะต้องดูแลวัวให้มีสุขภาพที่แข็งแรงแต่การจะทำสิ่งนี้ได้เป็นสิ่งที่ยากมากเพราะว่าโดยธรรมชาติของวัวรอบการผสมพันธุ์จะค่อนข้างสั้น ถ้าพลาดไปหมายความว่าก็จะสูญเสียรายได้และค่าใช้จ่ายนอกจากนั้นถ้าเรามีวัวที่เยอะขึ้นมันก็จะดูยากขึ้น บางครั้งวัวมีอาการป่วยก็จะไม่ค่อยแสดงอาการและจะดูยากขึ้น ทำให้เกษตรกรในฟาร์มต้องใช้เวลาอยู่ในฟาร์มเยอะจนไม่มีเวลาออกไปไหน เทคโนโลยีนี้จึงเข้ามาช่วยได้ เจ้าตัวทรูดิจิตอลคาว จะเป้นตัวนำเซ็นเซอร์เข้ามาจับพฤติกรรมของวัวแล้วเอาทั้งหมดมาประมวลผลแล้วแจ้งเกษตรกรได้ว่าเมื่อไหร่ที่วัวของเค้าเป็นสัดอยู่ เมื่อไหร่ที่วัวป่วย สามารถเข้าไปดูได้โดยผ่านแอพพิเคชั่น ซึ่งสามารถดูผ่านเว็ปไซต์ก็ได้หรือระบบมือถือก็ได้เรียกว่าง่ายสำหรับทุกๆคน ทุกคนสามารถเข้าถึงได้หมด ซึ่งถ้านำตัว ทรูดิจิตอลคาว มาใช้แล้ว เกษตรกรจะเห็นผลผลิตที่ดีขึ้นโดยทั่วไปน้ำนมดีขึ้นแน่นอน วัวป่วยน้อยลงและลดการสูญเสีย ขายน้ำนมได้มากขึ้น และที่สำคัญที่สุดเกษตรกรสามารถมีเวลาออกไปผักผ่อนหรือไปไหนต่อไหนได้มากขึ้นเพราะสามารถดูแลฟาร์มจากที่ไหนก็ได้ ทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่เราภูมิใจนำเสนอเพื่อนำมาช่วยยกระดับเกษตรกรในภาคการเลี้ยงโคนมและโคเนื้อของประเทศไทย รูปแบบในการทำงาน ต้องมีกล่องรับสัญญาณ ตัวรับข้อมูลจาก ทรูดิจิตอลคาวส่งไปยังคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน รัศมีที่รับข้อมูลประมาณ 500 เมตร และจะต้องใช้สัญญาณอินเตอร์เน็ต ประโยชน์ที่ได้รับ ลดวันท้องว่าง เพิ่มรายได้จากการรีดนมที่ผสมติดเร็วขึ้น ตรวจสัดแม่นยำ ได้น้ำนมส่วนเพิ่มจากการไม่ต้องรอรีดจนแห้ง สามารถนำลูกวัวไปจำหน่าย ลดผลกระทบจากการป่วย ลดความเสียหายจากผลผลิตที่ลดลง ลดการเสียหายจากการที่วัวล้ม ลดภาระในการเฝ้าระวัง ไม่ต้องคอยเฝ้าดูที่หน้าฟาร์มตลอดเวลาสามารถบริหารจัดการได้ผ่านระบบ ทรู ดิจทัล คาว (True Digital Cow Ear Tag) สามารถเข้ามาช่วยแก้ปํญหาต่างๆได้ เพราะสามารถ วัดพฤติกรรมการเคลื่อนไหว การกิน และการเคี้ยวเอื้องของวัว (ทั้งวัวนมและวัวเนื้อ) เพื่อนำมาวิเคราะห์และช่วยในการบริหารจัดการ แจ้งเตือนเมื่อวัวมีอาการเป็นสัดและถึงรอบของการผสมพันธุ์ แจ้งเตือนระยะเวลาที่เหมาะสมของการผสมพันธุ์ แจ้งเตือนเมื่อวัวมีอาการป่วย มีระบบการบันทึกติดตามประสิทธิภาพการผสมพันธุ์วัว ทำให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการเลี้ยงดูวัวทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นได้ โปรโมชั่นพร้อมแพ็คเกจ สนใจสามารถติต่อสอบถามได้ที่  : https://cpffeedsolution.com/true-digital-cow/

True digital cow ear tag แท็กติดหูวัวอัจฉริยะ เช็คระยะสัดแม่นยำในการผสมเทียมวัว เช็คสุขภาพวัวป่วย Read More »

คู่มือ การเลี้ยงเป็ดไข่

คู่มือการเลี้ยงเป็ดไข่ สูตรสร้างความสำเร็จแบบมืออาชีพ

การเลี้ยงเป็ดไข่ จาก 0 ถึงมืออาชีพ ครบทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น โรงเรือน อาหาร การดูแล   ปัจจุบัน การเลี้ยงเป็ดไข่  ได้มีการพัฒนาไปมาก  ทั้งในเรื่องของสายพันธุ์   อาหาร   วิธีการเลี้ยง  ซึ่งผู้เลี้ยงจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ  เพื่อให้สามารถเลี้ยงเป็ดไข่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและต้นทุนการผลิตต่ำ   โดยเฉพาะสายพันธุ์  CP Super ซึ่งเป็นเป็ดไข่ที่ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์ให้มีรูปร่างที่ปราดเปรียว หากินเก่ง กินอาหารน้อย ไข่ดก โดยให้ไข่สะสมที่ 52 สัปดาห์สูงถึง   280-300   ฟองต่อตัว   และสามารถทนต่อสภาพแวดล้อมได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้แล้วด้านคุณภาพไข่ ให้ไข่น้ำหนักเฉลี่ย   72 กรัม มีเปลือกไข่ที่หนา และฟองไข่แดงที่ใหญ่ คู่มือการเลี้ยงเป็ดไข่ ได้รวบรวมเนื้อหาสาระสำคัญของการเลี้ยงเป็ดไข่ในปัจจุบัน     จากในส่วนของมาตรฐานสายพันธุ์เป็ดไข่    พร้อมได้รวบรวมความรู้และเทคนิคการเลี้ยงจากผู้ชำนาญการด้านการเลี้ยงเป็ดไข่ของเครือเจริญโภคภัณฑ์ไว้ด้วย     อย่างไรก็ตามคู่มือฉบับนี้เป็นเพียงแนวทางในการจัดการฟาร์ม    ทำให้ผู้เลี้ยงสามารถดูแลเป็ดไข่   สายพันธุ์  CP Super ให้เป็นไปตามมาตรฐานสายพันธุ์ มีผลผลิตไข่ตรงตามความต้องการของตลาด   และมีผลกำไรต่อผู้เลี้ยง หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมนอกเหนือจากคู่มือฉบับนี้สามารถสอบถามได้ที่ ฝ่ายขายพันธุ์สัตว์ บริษัท ซีพีเอฟ(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) 128 ถ. เย็นจิต แขวงทุ่งวัดดอน เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120  โทร.     0-2680-4532, 0-2680-4557 สำหรับเพื่อนๆ เกษตรกรที่ต้องการเข้าร่วมโครงการ เป็ดไข่ 2000 ตัว สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นี่ครับ  >>>  โครงการเป็ดไข่ครบวงจร  <<<  ความสำเร็จเริ่มต้นที่สายพันธุ์ : ลักษณะของเป็ดไข่สายพันธุ์ ซีพี ซุปเปอร์   ลักษณะลูกเป็ดไข่ ซีพี ซุปเปอร์ อายุ 1 วัน  มีลักษณะสีขนสีเหลือง กากี ปากและเท้าสีส้มอมน้ำตาล น้ำหนักเป็ดไข่ ซีพี ซุปเปอร์ ลูกเป็ดอายุ 1 วัน มีน้ำหนักประมาณ 40 กรัม เมื่อน้ำหนักประมาณ 1,450 กรัม ที่อายุ 18 สัปดาห์ ก็ เริ่มให้ไข่ฟองแรก และเมื่อเป็ดให้ผลผลิตครบ 1 ปี น้ำหนักจะเท่ากับ 1,650 กรัม ลักษณะไข่เป็ด ซีพี ซุปเปอร์ ลักษณะของไข่ มีน้ำหนักเฉลี่ย 72 กรัม สีเปลือกไข่สีขาว และสีเขียวอ่อน มีฟองไข่แดงใหญ่ เปลือกหนาและเหนียว เหมาะแก่การนำไปแปรรูป การเตรียมโรงเรือน และ อุปกรณ์สำหรับเลี้ยงเป็ดไข่ พื้นที่การเลี้ยงระยะลูกเป็ดและเป็ดรุ่น   6 – 8   ตัวต่อ ตรม. พื้นที่การเลี้ยงระยะเป็ดไข่   3 – 4   ตัวต่อ ตรม. พื้นที่ในโรงเรือน แบ่งส่วนพื้นที่การเลี้ยงดังนี้ พื้นที่การกินอาหารและบริเวณพักผ่อน  ประมาณ  50%  ของโรงเรือน พื้นที่ไข่  ประมาณ  20% ของโรงเรือน พื้นที่ลานนอกโรงเรือนมีบ่อน้ำ  หรือ  รางน้ำ  สำหรับให้เป็ดกินน้ำ และเล่นน้ำ ประมาณ 30% ของพื้นที่ ขั้นตอนการเตรียมโรงเรือน สำหรับเป็ดไข่ สำหรับโรงเรือนใหม่ต้องเก็บกวาด และ  ตรวจเช็คอย่าให้มีสิ่งที่ก่ออันตรายกับตัวเป็ด   เช่น วัสดุมีคม   แต่โรงเรือนที่เคยเลี้ยงเป็ดมาก่อน  ต้องเก็บกวาดสิ่งปฏิกูล   วัสดุรองพื้น   ออกจากโรงเรือนให้มากที่สุด ล้างทำความสะอาดโรงเรือน และ  อุปกรณ์การเลี้ยง  ด้วยน้ำสะอาด    แล้วพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรค  ฆ่าแมลง   ทั้งภายใน และ ภายนอกโรงเรือนให้ทั่ว สำหรับลูกเป็ด ให้ใส่วัสดุรองพื้น   ที่แห้ง และ สะอาด เช่น แกลบ  รองพื้นโรงเรือนหนาประมาณ  1 – 2   นิ้ว   พร้อมติดตั้งอุปกรณ์สำหรับกก ลูกเป็ด   แผงกั้นล้อมบริเวณที่จะเลี้ยงลูกเป็ด    อุปกรณ์ให้น้ำ ให้อาหาร   และ  กั้นผ้าม่านโดยรอบ  เพื่อป้องกันลมโกรก  และ  ฝนสาด สำหรับเป็ดระยะให้ผลผลิต   ควรใส่วัสดุรองพื้น ที่แห้ง และ สะอาด  โดยเฉพาะในส่วนของพื้นที่ไข่ พ่นยาฆ่าเชื้อ และ  ยาฆ่าแมลง  อีกครั้ง หากมีการปลดเป็ดฝูงเก่าออกควรมีการพักโรงเรือนอย่างน้อย 21   วัน  ตามระเบียบของกรมปศุสัตว์ การจัดการลูกเป็ดไข่ระยะกกอายุ    1 – 7 วัน  การกกลูกเป็ดต้องคำนึงถึงการจัดการด้านอุณหภูมิ   การขยายพื้นที่การเลี้ยง  และ  การจัดวางอุปกรณ์ให้อาหาร  ให้น้ำ   เพื่อให้ลูกเป็ดมีความเป็นอยู่สบาย  สุขภาพแข็งแรง การนำลูกเป็ดเข้าเลี้ยง ประมาณการลูกเป็ดเข้าเลี้ยง โดยคำนึงถึงพื้นที่การเลี้ยง  6 – 8 ตัวต่อ ตรม. การขออนุญาตลงลูกเป็ด โดยแจ้งการขอเข้ากับปศุสัตว์อำเภอ  ก่อนจะนำลูกเป็ดเข้าเลี้ยงใหม่ การเตรียมความพร้อมในการรับลูกเป็ด จัดเตรียม น้ำสะอาดใส่กระติกน้ำ   ถาดอาหารก่อนลูกเป็ดเข้า  เปิดเครื่องกก  และ  ปรับอุณหภูมิภายในกกอยู่ที่   32๐ C   ก่อนลูกเป็ดเข้า 2 ชั่วโมง การรับลูกเป็ด ตรวจเช็คสุขภาพ  โดยดูจากลักษณะภายนอก  หากพบ  ลูกเป็ดอ่อนแอ  พิการ   ตาบอด   คอบิด  ขาเสีย  ปากเบี้ยว    ให้คัดทิ้ง  และ ตรวจนับจำนวนลูกเป็ด    พร้อมทั้งสุ่มชั่งน้ำหนักลูกเป็ดประมาณ  5-10 % การกกลูกเป็ด ควรมีการตรวจสอบอุณหภูมิ   ความสุขสบายของลูกเป็ด    และควรขยายพื้นที่การกกให้เต็มพื้นที่การเลี้ยงที่อายุลูกเป็ด  7 – 10  วัน การจัดการอาหาร ใช้ถาดเหลือง  7  วันแรก  โดยแบ่งอาหารให้วันละ  3  ครั้ง เบอร์อาหารที่ใช้เลี้ยงลูกเป็ดได้คือ    541 D-1      ปข 1 YC 6548 YC และ 521 น้ำหนักลูกเป็ดช่วงสัปดาห์แรก 150 กรัม การจัดการน้ำ ในวันแรกที่ลงลูกเป็ดให้ฝึกการกินน้ำ โดยการจับปากลูกเป็ดจุ่มลงในน้ำ เพื่อให้ลูกเป็ดกินน้ำเป็น หลังจากเป็ดอายุ 4 วัน เริ่มลดจำนวนกระปุกน้ำออก และฝึกให้เป็ดกินน้ำจากนิปเปิ้ล หรืออุปกรณ์ให้น้ำชนิดต่างๆ การจัดการแสงสว่างของลูกเป็ด การจัดการเป็ดรุ่นไข่อายุ 2 – 17 สัปดาห์ การจัดการอาหาร ควรให้อาหารวันละ1 ครั้ง   การเทอาหารต้องรวดเร็ว อุปกรณ์ให้อาหารต้อง เพียงพอ และการกระจายอาหารต้องทั่วถึง โดยปริมาณอาหารพิจารณาตามตาราง ที่อายุ 2 สัปดาห์ ใช้อาหารลูกเป็ด คือ 541 D-1      ปข 1 YC      6548 YC    และ    521 ที่อายุ 3 สัปดาห์ขึ้นไปใช้อาหารเป็ดรุ่นไข่คือ    599 D      ดี -5      ส 6 D      6656 D การชั่งน้ำหนัก การหาค่าความสม่ำเสมอ  เป็นค่าบ่งชี้ ให้ทราบได้ว่าน้ำหนักตัวเป็ดรุ่นไข่ ในแต่ละสัปดาห์มีค่าใกล้เคียงกับมาตรฐานหรือไม่ นอกจากนี้แล้วความสม่ำเสมอของฝูงเป็ดก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน หากความสม่ำเสมอในฝูงสูงก็จะส่งผลถึง %ไข่ที่จะสูงตามไปด้วย ในทางตรงกันข้ามหากความสม่ำเสมอต่ำก็จะทำให้ %ไข่ลดลง ซึ่งอาจแก้ไขด้วยการพิจารณาถึงการเพิ่มปริมาณอาหาร ความเร็วในการกระจายอาหาร และอุปกรณ์ในการให้อาหาร ทำไมต้องมีการชั่งหรือตรวจเช็ค การให้อาหาร และชั่งน้ำหนักของเป็ดไข่ ทั้งนี้การเลี้ยงเป็ดไข่ หรือสัตว์ใดๆก็ตามถ้ามีระบบในการตรวจสอบ และการ เช็คการเติบโต จะทำให้ การเลี้ยงมีคุณภาพมากขึ้น และมีผลผลิตดีขึ้น อย่างมาก การจัดการน้ำ ที่ให้น้ำควรเป็นแบบรางน้ำ และมีลูกลอย  เพื่อจะได้มีน้ำให้เป็ดกินได้ ไม่ขาดน้ำ ตลอดเวลาในช่วงเป็ดรุ่น น้ำเป็นปัจจัยสำคัญต้องมั่นใจว่ามีอย่างเพียงพอ เพราะช่วงนี้มีการให้อาหารอย่างจำกัดวันละ 1 ครั้ง ดังนั้นเป็ดจะกินอาหารอย่างรวดเร็วและกินอาหารเต็มกระเพาะจนถึงหลอดอาหาร หลังจากกินอาหารเสร็จเป็ดจะกินน้ำในเวลาเดียวกัน หากเป็ดขาดน้ำหรืออุปกรณ์การให้น้ำไม่เพียงพอจะทำให้เป็ดเกิดอาการอาหารติดคอ (จุกอาหาร) และเสียหาย การจัดการแสง การฝึกเข้ารังไข่ เมื่อเป็ดอายุได้ 16 สัปดาห์ ควรเริ่มนำรังไข่เข้าเล้า เพื่อฝึกให้เป็ดเข้ารังไข่ โดยในตอนกลางคืน (21:00 – 6:00น.) ควรเปิดไฟให้มีความเข้มแสงประมาณ 5 Lux ในบริเวณรังไข่ และบริเวณรังไข่ควรมีประตู โดยจะเปิดประตูเฉพาะเวลาที่ให้แสงในเวลากลางคืน และปิดในเวลากลางวัน เพื่อให้เป็ดรู้เวลาเข้าไข่ และป้องกันไม่ให้ไข่สกปรก การคัดทิ้งเป็ดผิดเพศ โดยปรกติในการคัดเพศเป็ดไข่เพศเมีย จะมี%ความผิดพลาดประมาณ 0.5-1% (การขายลูกเป็ดไข่มีลูกเป็ดแถม 2%) เราสามารถเริ่มคัดเป็ดผิดเพศได้ที่อายุ 5-7 สัปดาห์ แต่จะเริ่มชัดเจนที่อายุประมาณ 10 สัปดาห์ โดยพิจารณาจาก ขนาดตัวที่ใหญ่ หัวใหญ่ บริเวณหัวเป็นสีน้ำตาลหรือเขียวเข้ม ขนบริเวณหน้าอกสีน้ำตาลเข้ม ปากสีเหลืองเข้ม ขนที่ก้นงอน และเสียงร้องแหบ ซึ่งผลเสียของการไม่คัดเป็ดผิดเพศทิ้งคือ ไข่เป็ดสดจะมีเชื้อ ทำให้เก็บไว้ได้ไม่นาน รวมทั้งไม่เหมาะที่นำไปแปรรูปอีกด้วย การจัดการเป็ดระยะไข่อายุ 18 สัปดาห์ ถึง ปลด การจัดการอาหาร และ น้ำ ควรให้อาหารวันละ   1 – 2  ครั้ง  ซึ่งปริมาณการให้อาหารจะขึ้นกับ % การให้ ให้ผลผลิต โดยพิจารณาตามตาราง หมายเหตุ เบอร์อาหารที่ใช้เลี้ยงเป็ดระยะไข่คือ    599 D      ดี -5      ส 6 D      6656 D การที่ไม่ให้เป็ดกินอาหารเต็มที่ในช่วงแรกของการให้ไข่เนื่องจาก เป็นการป้องกันการเกิดไข่แฝด ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เป็ดก้นทะลัก  แต่อย่างไรก็ตาม การเลี้ยงเป็ดในโรงเรือนเปิด สภาพอากาศเป็นปัจจัยสำคัญในการกินอาหารได้ของเป็ด ดังนั้นในแต่ละวันปริมาณอาหารที่เป็ดกินได้อาจไม่เท่ากัน จึงควรให้อาหารแต่พอดี ในหนึ่งวันต้องมีช่วงที่อาหารหมดรางอาหาร ห้ามมีอาหารเหลือข้ามวันเพราะทำให้อาหารเน่าเสีย ส่งผลให้มีกลิ่นเหม็นเป็ดไม่กินอาหาร หรือถ้าหากกินอาจมีผลเสียต่อสุขภาพเป็ดได้ การจัดการรังไข่ และเก็บไข่ ตอนกลางคืน (21:00 – 6:00น.) ควรเปิดไฟให้มีความเข้มแสงประมาณ 5 Lux ในบริเวณรังไข่ และบริเวณรังไข่ควรมีประตู โดยจะเปิดประตูเฉพาะเวลาที่ให้แสงในเวลากลางคืน และปิดในเวลากลางวัน เพื่อให้เป็ดรู้เวลาเข้าไข่ นอกจากนี้ภายในรังไข่ต้องมีวัสดุรองพื้น ได้แก่ แกลบ หรือฟาง ที่แห้ง สะอาด ปราศจากความชื้น เพื่อป้องกันไข่สกปรก ควรเก็บไข่วันละ 2 ครั้ง (เช้า 6.00 น และ 10.00 น )    โดยเก็บไข่ที่อยู่นอกพื้นที่รังไข่ก่อน    ถ้าพบว่ามีเป็ดอยู่ในพื้นที่รังไข่ ควรต้อนเป็ดออกมาก่อน และต้องมั่นใจได้ว่าไม่มีไข่ตกค้างอยู่ในรังไข่ รวมทั้งในเวลากลางวันไม่ควรให้เป็ดเข้าไปในพื้นที่รังไข่ มิฉะนั้นจะเป็นการกระตุ้นพฤติกรรมการกกไข่ ซี่งส่งผลให้ผลผลิตไข่ลดลง จากการทดลองเก็บไข่เป็ดสดในสภาวะต่างๆพบว่า ที่อุณหภูมิห้องสามารถรักษาความสดอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้เพียง 10 วัน ที่อุณหภูมิห้องเย็นได้ 25 วัน และที่อุณหภูมิตู้เย็นได้มากกว่า 30 วันแต่อย่างไรก็ตามอุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการเก็บไข่เป็ดสดตามที่ USDA แนะนำ คือ 16 องศาเซลเซียส การจัดการไข่เป็ดสด การคัดไข่ แบ่งเบอร์ไข่ได้ดังตาราง ซึ่งไข่ต้องแห้งสะอาด หากไข่สกปรก หรือเปียกน้ำ ไม่ควรเก็บไว้เป็นเวลานาน หรือนำไปแปรรูปเป็นไข่เค็ม เพราะมีความเสี่ยงที่จะเกิดการเน่าเสียได้สูง การรับเป็ดสาวเข้าเลี้ยง ควรเลือกชื้อเป็ดสาวจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ควรรับเป็ดสาวก่อนที่จะให้ไข่ เพื่อป้องกันปัญหาไข่แตกในช่องท้องระหว่างขนย้าย   และ เป็ดสาวควรมีอายุเดียวกันทั้งฝูง เป็ดสาวควรมีน้ำหนักเฉลี่ยตามมาตรฐานสายพันธุ์ เมื่อเป็ดสาวมาถึงฟาร์ม ควรให้เป็ดได้กินน้ำก่อนให้อาหารประมาณ  1 – 2  ชั่วโมง ควรคัดเป็ดที่อ่อนแอ ไม่สมบูรณ์   เป็ดเพศผู้   ออกจากฝูง ควรถ่ายพยาธิ  และ  ทำวัคซีน    ตามโปรแกรมที่เหมาะสมของแต่ละพื้นที่ การปลดเป็ด การปลดเป็ด  คือ  การนำฝูงเป็ดเก่าออกจากฟาร์ม    เพื่อเตรียมโรงเรือนสำหรับรับเป็ดสาวฝูงใหม่เข้าเลี้ยง    การปลดเป็ดควรคำนึงจาก อายุครบปลด ความคุ้มทุนของการเลี้ยง สภาวะตลาด เมื่อถึงวันจับเป็ดทางฟาร์มมีขั้นตอนปฏิบัติดังนี้ อดอาหารก่อนจับเป็ด 3 – 4   ชั่วโมง สุ่มน้ำหนักเป็ดเพื่อหาน้ำหนักเฉลี่ยของฝูง ประมาณ 1 – 2 % ต้อนเป็ดด้วยความระมัดระวัง ตรวจนับจำนวนเป็ดที่ขายให้ครบจำนวน ท่านสามารถ ดาวโหลด เอกสาร คู่มือการเลี้ยงเป็ดไข่ ฉบับเต็มได้ที่ นี่เลยครับ คู่มือการเลี้ยงเป็ดไข่

คู่มือการเลี้ยงเป็ดไข่ สูตรสร้างความสำเร็จแบบมืออาชีพ Read More »

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้แก่ท่านได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงทำให้สามารถมอบข้อเสนอ กิจกรรมส่งเสริมการขาย เลือกเนื้อหาให้เหมาะสมแก่ท่านอย่างเป็นส่วนตัวได้ การเก็บและใช้งานคุกกี้สามารถศึกษาได้ที่นโยบายการใช้คุกกี้นี้ การใช้งานเว็บไซต์นี้จะมีการจัดเก็บคุกกี้ประเภทต่าง ๆ ซึ่งท่านต้องยอมรับและยินยอมให้บริษัทฯ จัดเก็บ. (เรียนรู้เพิ่มเติม)