Logo-CPF-small-65png

cpffeed

จากฟาร์มขาดทุน…สู่กำไรหลักแสน ด้วย Smart Farm ที่เริ่มต้นแค่หมื่นเดียว!

“เคยเลี้ยงหมูแล้วไม่เห็นกำไรเลย” “เลี้ยงไปเหนื่อยไป แต่เงินไม่เหลือ” “แรงงานก็หายาก ค่าน้ำค่าไฟก็ขึ้น” คำพูดเหล่านี้คงเป็นเรื่องที่ฟังดูคุ้นหูสำหรับเจ้าของฟาร์มสัตว์เศรษฐกิจหลายคน โดยเฉพาะในยุคที่ต้นทุนเพิ่มขึ้นแต่ราคาขายไม่แน่นอน แต่รู้ไหมว่า วันนี้มีฟาร์มไทยหลายแห่งสามารถพลิกจากสถานะ “ขาดทุน” กลับมา “กำไรหลักแสน” ได้ภายในไม่กี่รอบการเลี้ยง และสิ่งที่ช่วยเปลี่ยนเกมก็คือ “Smart Farm” ระบบฟาร์มอัจฉริยะที่เริ่มต้นได้ด้วยงบประมาณเพียงหลักหมื่นบาท! จากปัญหาสู่จุดเปลี่ยน: แค่เปลี่ยนแนวคิด เกษตรกรเจ้าของฟาร์มสุกรขนาดกลางในภาคตะวันตก เคยเจอกับปัญหาคลาสสิกของฟาร์มทั่วไป คือ ต้นทุนสูง กำไรต่ำ หมูตายจากโรค ไม่รู้ว่าขาดทุนเพราะอะไร จนกระทั่งวันหนึ่งเขาเริ่มต้นเปลี่ยนแนวคิดจากการเลี้ยงแบบดั้งเดิม มาเป็นการเลี้ยงแบบใช้เทคโนโลยีเข้าช่วย เขาเริ่มต้นเพียงแค่ 15,000 บาท ในการติดตั้งระบบให้อาหารอัตโนมัติและเซนเซอร์วัดอุณหภูมิภายในโรงเรือน พร้อมใช้แอปพลิเคชันเก็บข้อมูลการกินอาหารของหมูแต่ละคอก ผลที่ได้คือ ภายใน 3 เดือน หมูโตเร็วขึ้น ใช้อาหารน้อยลง โรงเรือนสะอาดขึ้น และที่สำคัญที่สุด – กำไรสุทธิเพิ่มจากหลักพันเป็นหลักแสน! แล้ว Smart Farm ช่วยเพิ่มกำไรได้อย่างไร? รู้ต้นทุนแบบเรียลไทม์ = ควบคุมงบแม่นยำ ระบบบันทึกข้อมูลแบบอัตโนมัติ เช่น การใช้ไฟฟ้า อาหาร น้ำ ยา ช่วยให้เจ้าของฟาร์มสามารถคำนวณต้นทุนต่อรอบการเลี้ยงได้อย่างแม่นยำ รู้ว่าควรลด-เพิ่มอะไร ไม่ต้องรอปิดงบถึงรู้ว่าขาดทุน ลดการสูญเสีย = เพิ่มอัตรารอดชีวิต ระบบเซนเซอร์ช่วยแจ้งเตือนทันทีเมื่ออุณหภูมิในโรงเรือนสูงเกินหรือมีความผิดปกติ เช่น หมูไม่กินอาหาร ลดการสูญเสียจากโรคหรือความเครียดของสัตว์ได้มากกว่า 30–50% ระบบอัตโนมัติ = ลดแรงงาน + เพิ่มประสิทธิภาพ การติดตั้งเครื่องให้อาหารและน้ำแบบอัตโนมัติ ลดการพึ่งพาแรงงานรายวันได้อย่างมาก เหลือแรงงานแค่ 1–2 คนก็ดูแลฟาร์มได้ทั้งระบบ นอกจากนี้ยังให้อาหารได้ตรงเวลาและปริมาณ ทำให้หมูโตเร็วและสุขภาพดี AI วิเคราะห์น้ำหนักหมู = ขายจังหวะที่ได้ราคาดี ระบบวิเคราะห์พฤติกรรมและน้ำหนักสัตว์ สามารถคำนวณช่วงเวลาที่ควรขายเพื่อให้ได้ราคาสูงสุด พร้อมแจ้งเตือนล่วงหน้าให้เกษตรกรไม่พลาดโอกาส คืนทุนไว = เริ่มได้ด้วยงบไม่สูง แม้จะลงทุนในระบบอัจฉริยะ แต่ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นสามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่ 10,000–30,000 บาท และสามารถคืนทุนได้ในรอบการเลี้ยงเพียง 2–3 ครั้ง เทียบกับผลตอบแทนแล้วถือว่าคุ้มค่าอย่างมาก ฟาร์มเล็กก็ทำได้ ฟาร์มใหญ่ก็ขยายได้ ความเข้าใจผิดที่พบบ่อยคือ Smart Farm เหมาะกับฟาร์มใหญ่เท่านั้น แต่ความจริงแล้ว ฟาร์มขนาดเล็ก–กลางสามารถเริ่มต้นจากระบบใดระบบหนึ่งก่อน เช่น ระบบให้อาหารอัตโนมัติ หรือระบบบันทึกข้อมูล แล้วค่อย ๆ ขยับขยาย สำหรับฟาร์มขนาดใหญ่ Smart Farm ยังช่วยลดต้นทุนต่อหน่วย เพิ่มความแม่นยำในการจัดการหลายโรงเรือนได้พร้อมกัน ลดโอกาสผิดพลาดจากมนุษย์ และวางแผนธุรกิจได้อย่างมืออาชีพ : อย่ารอให้ขาดทุนจนสาย – เปลี่ยนวันนี้ กำไรพุ่งทันที การเปลี่ยนผ่านไปสู่ Smart Farm ไม่ใช่เรื่องใหญ่เสมอไป บางครั้งการเริ่มต้นเล็ก ๆ อย่างการรู้ต้นทุนที่แท้จริงหรือการให้อาหารตรงเวลา ก็สร้างความเปลี่ยนแปลงใหญ่ในผลกำไรได้ หากคุณกำลังเลี้ยงสัตว์แล้วรู้สึกว่าเหนื่อยแต่ไม่คุ้ม Smart Farm อาจคือทางรอดและโอกาสใหม่ที่คุณกำลังมองหา  

จากฟาร์มขาดทุน…สู่กำไรหลักแสน ด้วย Smart Farm ที่เริ่มต้นแค่หมื่นเดียว! Read More »

มื้อนี้ที่ห่วงใย … ซีพีเอฟ ส่งต่อกำลังใจสู่ศูนย์อพยพชายแดน

ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชา ซีพีเอฟเดินหน้าเคียงข้างประชาชน ส่งมอบวัตถุดิบปรุงอาหารให้ศูนย์อพยพใน 4 จังหวัดภาคอีสาน ซีพีเอฟ ห่วงใยพี่น้องประชาชน พร้อมอยู่เคียงข้างทุกวิกฤต โดย ธุรกิจสุกร ภาคอีสาน เร่งจัดตั้งศูนย์ประสานงาน 3 ศูนย์ ได้แก่ ศูนย์น้ำยืน ศูนย์ศรีสะเกษ ศูนย์สุรินทร์ เพื่อประสานการช่วยเหลือแก่ศูนย์อพยพของหน่วยงานราชการในพื้นที่ เพื่อส่งความห่วงใยผ่านมื้ออาหารของทุกคน โดยจับมือร่วมกับภาคีเครือข่ายภาครัฐ โดยได้มอบเนื้อหมูและเนื้อไก่ แก่ พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี เพื่อส่งต่อเป็นวัตถุดิบแก่ โรงครัวพระราชทาน โดยกองอำนวนการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดอุบลราชธานี  ส่วนในจังหวัดศรีสะเกษ ธุรกิจสุกร สนับสนุนเนื้อหมู เนื้อไก่ และน้ำดื่ม แก่ศูนย์รับอพยพประชาชน ที่ว่าการ อ.เบญจลักษ์,  ที่ทำการ ต.หนองหว้า, ที่ทำการผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.หนองหว้า, รพ.สต.หนองหว้า, อบต.ท่าคล้อ จำนวน 4 ศูนย์, ที่ว่าการ อ.โนนคูณ, อบต. โนนค้อ จำนวน 2 ศูนย์ และ อบต.พรหมสวัสดิ์ อ.พยุห์  โดยส่งมอบวัตถุดิบทั้งหมดแก่หน่วยงานต่างๆ ใช้ประกอบอาหาร แจกจ่ายให้กับประชาชนและอาสาสมัครต่อไป ทางด้าน โรงงานผลิตอาหารสัตว์ศรีสะเกษ ธุรกิจสุกร ร่วมสนับสนุนน้ำดื่ม CP ให้กับศูนย์พักพิง 2 ศูนย์ ในจังหวัดศรีสะเกษ ได้แก่ 1.ศูนย์พักพิง หอประชุม อ.โนนคูณ และ ศูนย์พักพิง ศาลาวัดทักษิณธรรมนิเวศน์ อ.โนนคูณ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ขณะที่ ธุรกิจไก่เนื้อ ภาคอีสาน โดย โรงงานชำแหละไก่ศรีสะเกษ เร่งสนับสนุนผลิตภัณฑ์ไก่ ในภารกิจการช่วยเหลือประชาชน ในจุดอพยพ อ.เบญจลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ จำนวน 4 จุด จำนวนผู้อพยพรวมกว่า 2,550 ราย ได้แก่ จุดอพยพ อ.เบญจลักษ์, จุดอพยพวัดคำสะอาด ต.ท่าคล้อ, จุดอพยพวัดโนนสำโรง ต.ท่าคล้อ และจุดอพยพวัดหนองบักโทน ต.ท่าคล้อ ล่าสุดสนับสนุนแก่จุดอพยพ อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี นอกจากนี้ ธุรกิจไก่ไข่ ภาคอีสาน ส่งมอบไข่ไก่ CP จำนวน 3,000 ฟอง ถึงศูนย์พักพิงผู้ประสบภัย อ.พยุห์ จ.ศรีสะเกษ และเตรียมส่งมอบแก่ อ.ไพรบึง อ.ภูสิงห์ ด้วย ซีพีเอฟ ขอส่งกำลังใจและความห่วงใย ไปพร้อมกับมื้ออาหาร ที่หน่วยงานภาคีเครือข่าย ตั้งใจปรุงเพื่อนำไปส่งมอบถึงมือพี่น้องประชาชน ให้ก้าวผ่านพ้นเหตุการณ์นี้ไปได้ด้วยความปลอดภัย./  

มื้อนี้ที่ห่วงใย … ซีพีเอฟ ส่งต่อกำลังใจสู่ศูนย์อพยพชายแดน Read More »

ซีพี-ซีพีเอฟ ร้อยเรียงความดีผนึกกำลัง มทบ.37 ส่งมอบวัตถุดิบบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยน้ำท่วม จ.เชียงราย

     27 มิถุนายน 2568 เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) และ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) (ซีพีเอฟ) เดินหน้าสานต่อพันธกิจเพื่อสังคม ร้อยเรียงความดี สู้ส่งมอบวัตถุดิบคุณภาพดีสำหรับการประกอบอาหาร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนชาวจังหวัดเชียงรายที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน โดยมี ร้อยเอกธวัช ขันคำ ผู้แทนจากมณฑลทหารบกที่ 37 และนายฐิติพันธ์ เข็มขาว นายกองค์การบริหารส่วนส่วนตำบลแม่เปา ได้ร่วมรับมอบวัตถุดิบซีพี อาทิ ไข่ไก่สด เนื้อไก่ และน้ำดื่ม จากนางศิริลักษณ์ บ่อสร้าง ผู้จัดการฝ่าย ด้านพัฒนาความยั่งยืนภาครัฐและกิจการสัมพันธ์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ และนายวรพล ด้วงชมภู เจ้าหน้าที่ขายอาวุโส บริษัท ชี พี เอฟ โกลบอลฟู้ดโซลูชั่นจำกัด มหาชน ผู้แทนจากกลุ่มบริษัทในเครือซีพีเอฟ โดยวัตถุดิบเหล่านี้จะถูกนำไปแจกจ่ายให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่อำเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย ซึ่งมีครัวเรือนผู้ประสบภัยกว่า 3,000 ครัวเรือน โดยมีศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมณฑลทหารบกที่ 37 กองทัพบก ได้จัดกำลังพลทหารเป็นกำลังสำคัญในการกระจายอาหารและสิ่งของจำเป็นไปยังผู้ประสบภัยในพื้นที่ต่าง ๆ ของจังหวัดเชียงราย จากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดเชียงรายเกิดขึ้นจากฝนที่ตกหนักต่อเนื่องตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนใน 8 หมู่บ้านของตำบลแม่เปา อำเภอพญาเม็งราย ได้แก่ หมู่ 1, 12, 3, 16, 20, 14, 2 และ 6 นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อถนนและพื้นที่การเกษตรเป็นวงกว้าง เครือซีพีและกลุ่มธุรกิจในเครือยังคงให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัด รวมถึงสนับสนุนกองบัญชาการทัพไทยในการปฏิบัติภารกิจบรรเทาความเดือดร้อน จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

ซีพี-ซีพีเอฟ ร้อยเรียงความดีผนึกกำลัง มทบ.37 ส่งมอบวัตถุดิบบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยน้ำท่วม จ.เชียงราย Read More »

ไข่ไก่…บทเรียนนอกตำราของเด็กๆ รร.บ้านร้านตัดผม จ.ชุมพร

ไข่ไก่…บทเรียนนอกตำราของเด็กๆ รร.บ้านร้านตัดผม จ.ชุมพร   เช้าๆ ที่โรงเรียนบ้านร้านตัดผม อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร ไม่ได้เริ่มต้นแค่ด้วยเสียงสวัสดีคุณครูหรือท่องสูตรคูณ แต่เต็มไปด้วยเสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็กๆ ที่รีบวิ่งไปยังโรงเรือนไก่ไข่…เพราะที่นี่ ไข่ไก่ไม่ใช่แค่ของกินบนจานอาหารกลางวัน แต่เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ที่สอน เป็นบทเรียนนอกตำรา ที่ทำให้รู้จักความรับผิดชอบ การทำงานเป็นทีม และลงมือทำจริงตั้งแต่ยังเด็ก “น้องปันปัน-กิตติพัศ ถิ่นวงค์เกลอ” นักเรียนชั้น ป.6 กับเพื่อนๆ นัดรวมตัวกันที่โรงเรือนไก่ไข่ในทุกๆเช้า ก่อนเวลาเข้าแถวเคารพธงชาติ เพื่อมาให้อาหารแม่ไก่ไข่ที่กำลังรอคอยพวกเขาอยู่  นี่ไม่ใช่แค่กิจกรรมพิเศษ แต่เป็นภารกิจประจำวันของชุมนุม “เลี้ยงไก่ไข่” ที่น้องปันปัน และเพื่อนๆ ป.4-6 ทั้ง 15 คน ช่วยกันดูแลอย่างตั้งใจ ก่อนหน้านี้ โรงเรียนบ้านร้านตัดผมมีเพียงแปลงผักและโรงเพาะเห็ดเล็กๆ ต้องซื้อไข่และเนื้อสัตว์จากตลาดเพื่อ  ทำอาหารกลางวันให้นักเรียนกว่า 550 คน แต่ตั้งแต่ปี 2565 ทุกอย่างเปลี่ยนไป โครงการ “เลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวัน” ของมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบทและซีพีเอฟ ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตโรงเรียน ที่มาพร้อมกับโรงเรือนไก่ใหม่เอี่ยม แม่ไก่สาว 150 ตัว และอาหารสำหรับเลี้ยงไก่ 1 รุ่น  น้องปันปัน เล่าว่า ไก่พวกนี้กินอาหารแค่วันละมื้อเดียว…แต่มื้อนี้สำคัญมาก ต้องคำนวณปริมาณอาหารเป๊ะๆ ตามจำนวนตัวแม่ไก่ ให้อาหารกระจายทั่วถึงทุกตัว พร้อมกับเช็คระบบน้ำให้ไหลดีไม่ขาดหยด และต้องไม่ลืมเปิดพัดลมระบายอากาศให้ไก่ “ตอนแรกเรากลัวไก่ ไม่กล้าจับเลย” น้องปันปัน สารภาพพร้อมหัวเราะ “แต่พี่ๆ ซีพีเอฟมาสอนละเอียดมากๆ จนตอนนี้จับไม่กลัวแล้วและยังอยากมาดูแลไก่ทุกๆวัน”  ผลจากความตั้งใจของชุมนุมเลี้ยงไก่ไข่ ทำให้ทุกวันโรงเรียนมีไข่สดๆ วันละ 120-130 ฟอง ส่งตรงเข้าโรงครัวสำหรับทำเมนูไข่อร่อยๆ อย่าง “ไข่พะโล้” ที่เป็นของโปรดของเด็กทั้งโรงเรียน ไม่เพียงแค่ได้ไข่กินเอง เด็กๆ ยังช่วยกันจัดการมูลไก่ นำไปตากแห้งเป็นปุ๋ยใช้ในสวนปาล์ม 300 ต้นของโรงเรียน และใช้กับแปลงผักปลอดสารที่ปลูกไว้สำหรับทำอาหารกลางวันอีกด้วย  “น้องแอม – จิรัชญา แก้วกอง” เพื่อนร่วมชั้นของน้องปันปัน บอกว่า “หนูชอบทำบัญชี บันทึกจำนวนไข่ นับเงินรายได้ เพราะไข่ที่เหลือเรานำไปขายให้ผู้ปกครอง ในราคาประหยัดช่วยลดค่าใช้จ่ายครัวเรือน ตอนนี้มีเงินเก็บของโครงการถึง 150,000 บาทแล้ว จะได้มีทุนเลี้ยงไก่รุ่นต่อไป “หนูดีใจมากที่ได้มาดูแลแม่ไก่ ทำให้ทุกคนมีไข่ไก่ทานทุกวัน แถมโรงเรียนเรายังเปิดเป็น “ศูนย์เรียนรู้” ให้ผู้ปกครองและชาวบ้านมาเยี่ยมชมได้ พ่อแม่ผมก็เคยมาดู บอกว่าภูมิใจที่ลูกชายช่วยเลี้ยงไก่เก่งแบบนี้” น้องแอม บอกด้วยรอยยิ้ม สิ่งที่เด็กๆ ได้รับไม่ใช่แค่ไข่ไก่หรือเงินทุนเท่านั้น แต่ยังได้ฝึกทำงานเป็นทีม ฝึกคิดเลข จดบันทึก และเรียนรู้ระบบการเลี้ยงสัตว์อย่างมืออาชีพ เหมือนเจ้าของฟาร์มตัวน้อยๆ น้องปันปันและเพื่อนๆ อาจไม่รู้ว่า ตอนนี้มีโรงเรียนทั่วประเทศถึง 988 แห่ง ที่เข้าร่วมโครงการเดียวกัน มีนักเรียนกว่า 223,000 คน ได้ประโยชน์เหมือนกัน และภายในปี 2568 จะเพิ่มเป็น 1,018 โรงเรียนอีกด้วย สำหรับโรงเรียนไหนที่อยากมีฟาร์มไข่สดเหมือนบ้านร้านตัดผม ก็สามารถติดต่อมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท โทร. 063-871-6545 หรือ 092-870-0783  ไข่ไก่ฟองเล็กๆ ที่ออกมาจากฟาร์มของเด็กๆ โรงเรียนบ้านร้านตัดผม ไม่ใช่แค่ “อาหารกลางวัน” แต่ยังเป็นบทเรียนชีวิตที่สอนให้พวกเขารู้จักความรับผิดชอบ การวางแผน และการพึ่งพาตนเองไปพร้อมๆ กัน../  

ไข่ไก่…บทเรียนนอกตำราของเด็กๆ รร.บ้านร้านตัดผม จ.ชุมพร Read More »

เคล็ดไม่ลับ! ทำไมฟาร์มรุ่นใหม่ใช้เทคโนโลยีแทนแรงงานคน

ในยุคที่แรงงานขาดแคลน ค่าแรงเพิ่มขึ้น และคนรุ่นใหม่หันหลังให้กับอาชีพการเกษตร ฟาร์มแบบดั้งเดิมกำลังเผชิญความท้าทายครั้งใหญ่ คำถามสำคัญคือ…ฟาร์มยุคใหม่จะเดินหน้าต่อไปอย่างไร? คำตอบคือ: ใช้เทคโนโลยีเข้ามาทำงานแทนแรงงานคน ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับเหตุผลว่าทำไมฟาร์มยุคใหม่ทั่วโลก—including ฟาร์มสุกร, ฟาร์มไก่ไข่, และฟาร์มไก่เนื้อ—หันมาใช้ระบบอัจฉริยะและเครื่องมืออัตโนมัติเพื่อบริหารจัดการฟาร์มได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม แรงงานขาดแคลน ปัญหาที่แก้ได้ด้วยเทคโนโลยี ปัจจุบันเกษตรกรจำนวนมากประสบปัญหาแรงงานขาดแคลน โดยเฉพาะแรงงานที่มีทักษะในการดูแลสัตว์ เทคโนโลยีจึงเข้ามาช่วยทดแทน ไม่ว่าจะเป็น: ระบบให้อาหารและน้ำอัตโนมัติ เครื่องควบคุมอุณหภูมิและความชื้น เซนเซอร์ตรวจสุขภาพสัตว์ ระบบเหล่านี้ช่วยลดความจำเป็นในการใช้แรงงานคนซ้ำ ๆ และลดข้อผิดพลาดจากมนุษย์ ทำงานแม่นยำกว่า แรงงานไม่เคยหลับ เทคโนโลยีไม่เคยเหนื่อย เครื่องจักรและระบบอัตโนมัติสามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีลาป่วย ไม่มีเหนื่อยล้า ทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมของฟาร์มเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการให้อาหารตรงเวลา การควบคุมสภาพแวดล้อม หรือการตรวจจับพฤติกรรมสัตว์ที่ผิดปกติ ข้อมูลคืออาวุธของฟาร์มยุคใหม่ ด้วยระบบ IoT และคลาวด์ แพลตฟอร์ม Smart Farm สามารถรวบรวมข้อมูลแบบเรียลไทม์ เช่น: อัตราการกินอาหาร การเจริญเติบโตของสัตว์ การใช้พลังงานและน้ำในฟาร์ม ข้อมูลเหล่านี้สามารถนำไปวิเคราะห์เพื่อปรับกลยุทธ์ เพิ่มกำไร ลดต้นทุน และวางแผนการขายได้แม่นยำยิ่งขึ้น ลดต้นทุนระยะยาว คืนทุนเร็ว แม้การลงทุนในเทคโนโลยีอาจดูสูงในช่วงเริ่มต้น แต่สามารถคืนทุนได้ภายใน 1-2 ปี จากการลดต้นทุนค่าแรง ค่าการสูญเสีย และเพิ่มประสิทธิภาพในการเลี้ยงสัตว์ ฟาร์มที่ใช้เทคโนโลยีสามารถเลี้ยงสัตว์ได้มากขึ้นในพื้นที่เดิม ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และเพิ่มผลผลิตต่อรอบ สร้างภาพลักษณ์ที่ดี และดึงดูดนักลงทุน ฟาร์มที่ใช้เทคโนโลยีทันสมัยมีแนวโน้มได้รับความเชื่อมั่นจากผู้ซื้อ นักลงทุน และคู่ค้าทางธุรกิจมากกว่า ด้วยความโปร่งใสของข้อมูลและคุณภาพการจัดการ ฟาร์มแบบ Smart Farm ยังสามารถเชื่อมต่อกับระบบมาตรฐานความปลอดภัยอาหาร (Food Safety) ได้ง่ายขึ้น เสริมพลังคน ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี ฟาร์มรุ่นใหม่ไม่ได้หมายถึงการลดจำนวนแรงงานทั้งหมด แต่หมายถึงการให้คนทำงานที่มีคุณค่ามากขึ้น เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล การวางแผนธุรกิจ การดูแลสุขภาพสัตว์เชิงลึก แทนที่จะต้องใช้เวลาให้อาหารหรือทำความสะอาดโรงเรือนแบบเดิม ๆ หากคุณคือเจ้าของฟาร์มที่กำลังมองหาทางออกจากปัญหาขาดแคลนแรงงาน หรือต้องการยกระดับฟาร์มให้ทันสมัยและทำกำไรได้มากขึ้น การใช้เทคโนโลยีไม่ใช่ตัวเลือกอีกต่อไป แต่คือ “หัวใจของการอยู่รอดและเติบโต” ในยุคนี้ เริ่มต้นทีละขั้น ด้วยเครื่องมือที่เหมาะสมกับขนาดฟาร์มของคุณ แล้วคุณจะพบว่า… เทคโนโลยีไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป    

เคล็ดไม่ลับ! ทำไมฟาร์มรุ่นใหม่ใช้เทคโนโลยีแทนแรงงานคน Read More »

ซีพีเอฟ รับรองมาตรฐาน มอก.9999 ขับเคลื่อนธุรกิจอาหารสัตว์บกเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยหลักเศรษฐกิจพอเพียง

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาประยุกต์ใช้ในการดำเนินธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรม โดยใช้เป็นแนวทางบริหารจัดการองค์กรให้เติบโตควบคู่กับความยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และการพัฒนาศักยภาพบุคลากรอย่างสมดุล ส่งผลให้ธุรกิจสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมสร้างคุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างรอบด้าน นายจงรักษ์ โรจน์พลาเสถียร ผู้อำนวยการสถาบันรับรองไอเอสโอ (สรอ.) มอบประกาศนียบัตรรับรองมาตรฐาน มอก.9999 ให้แก่ ธุรกิจอาหารสัตว์บก ซีพีเอฟ ภายในงาน “น้อมนำเศรษฐกิจพอเพียง สู่มาตรฐานแห่งความยั่งยืน มอก.9999” จัดขึ้น ณ อาคารทรู ดิจิทัล พาร์ค กรุงเทพฯ นายเรวัติ หทัยสัตยพงศ์ ผู้อำนวยการใหญ่ ธุรกิจอาหารสัตว์บก ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า บริษัทได้นำหลักคิด “3 ห่วง 2 เงื่อนไข” ซึ่งเป็นหัวใจของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดย “3 ห่วง” คือ ความพอประมาณ ความมีเหตุผล และการมีภูมิคุ้มกัน ส่วน “2 เงื่อนไข” คือ ความรู้ และคุณธรร โดยธุรกิจอาหารสัตว์บกซีพีเอฟนำหลักคิดนี้ไปใช้จริงในโรงงานผลิตทั้ง 12 แห่งทั่วประเทศ ครอบคลุมตั้งแต่การวางแผน การผลิต การพัฒนาคน เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับหลัก “3 ประโยชน์สู่ความยั่งยืน” ผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย หนึ่งในตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม ซึ่งเชื่อมโยงปรัชญาดังกล่าวกับชีวิตพนักงาน คือโครงการ “ปลดหนี้สร้างสุขและส่งเสริมการออม” ที่สะท้อนอย่างชัดเจนถึงหลักเศรษฐกิจพอเพียง โดยโครงการฯนี้ช่วยพนักงานที่มีภาระหนี้ดอกเบี้ยสูงให้เข้าถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ควบคู่ไปกับการให้ความรู้เรื่องการบริหารจัดการการเงิน เพื่อช่วยให้พนักงานสามารถลดภาระหนี้ มีสภาพคล่องทางการเงินดีขึ้น เกิดความสุขในชีวิต ต่อเนื่องไปถึงความสุขในการทำงาน รวมถึงสร้างความมั่นคงให้กับครอบครัว ซึ่งจะส่งผลดีต่อองค์กรในภาพรวม นอกจากนี้ ทุกกลุ่มธุรกิจของซีพีเอฟ ดำเนินงานตามระบบบริหาร “ซีพีสู่ความเป็นเลิศ” (CP Excellence: CPEX) ซึ่งเป็นระบบบริหารที่เครือเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาขึ้นจากเกณฑ์การประเมินคุณภาพระดับชาติ เพื่อบูรณาการแนวทางการบริหารจัดการธุรกิจอย่างเป็นระบบ เชื่อมโยงกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ทำให้บุคลากรมีความเข้าใจและดำเนินงานไปในทิศทางเดียวกัน ช่วยให้ธุรกิจมีศักยภาพในการแข่งขันระดับสากลและเติบโตอย่างยั่งยืน “ซีพีเอฟเชื่อมั่นว่า การนำมาตรฐาน มอก.9999 มาใช้ จะช่วยให้ธุรกิจของเราดำเนินงานอย่างเหมาะสม ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป มีเหตุผลในการตัดสินใจ และจะใช้ความรู้และคุณธรรมเป็นหลักในการบริหารจัดการ เพื่อให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนและมั่นคง” นายเรวัติกล่าวเพิ่มเติม

ซีพีเอฟ รับรองมาตรฐาน มอก.9999 ขับเคลื่อนธุรกิจอาหารสัตว์บกเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยหลักเศรษฐกิจพอเพียง Read More »

เลี้ยงสุกรแบบเดิมได้แค่รอด…เลี้ยงแบบ Smart Farm รวยได้จริง

ในวันที่ต้นทุนพุ่งขึ้น แต่ราคาหมูไม่แน่นอน การเลี้ยงสุกรแบบเดิม ๆ อาจทำให้คุณแค่ “อยู่รอด” แต่ไม่ “รวย” ไม่ว่าจะใช้แรงงานหนักแค่ไหน หรือประสบการณ์ยาวนานเพียงใด หากขาดข้อมูลที่แม่นยำและระบบที่ช่วยตัดสินใจแบบมืออาชีพ ก็ยากที่จะขยับจากจุดเดิมได้ ในทางตรงกันข้าม “Smart Farm” หรือระบบฟาร์มอัจฉริยะ กำลังกลายเป็นทางเลือกใหม่ของคนรุ่นใหม่ และเจ้าของฟาร์มที่มองไกล เพราะไม่ใช่แค่ช่วยลดภาระ แต่ยังช่วยเพิ่ม “กำไร” ได้อย่างชัดเจน แล้ว Smart Farm ดีกว่าเดิมอย่างไร? บันทึกข้อมูลอัตโนมัติ ไม่ต้องจด ไม่ต้องคาดเดา ปัญหาใหญ่ของการเลี้ยงหมูแบบเดิมคือ “ไม่มีข้อมูล” หรือ “มีแต่ไม่ครบ” เช่น ไม่รู้ว่าแต่ละวันให้อาหารเท่าไร หมูโตเร็วแค่ไหน หรือใช้ต้นทุนไปเท่าไรในแต่ละรอบ สิ่งเหล่านี้ล้วนสำคัญต่อการตัดสินใจ แต่ใน Smart Farm เราสามารถติดตั้งอุปกรณ์เซนเซอร์วัดอุณหภูมิ ความชื้น อัตราการกินน้ำ กินอาหาร หรือแม้แต่ระบบติดตามน้ำหนักหมูแบบเรียลไทม์ เพื่อรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเข้าสู่ระบบคลาวด์ และแสดงผลในแอปมือถือหรือ Dashboard ช่วยให้เจ้าของฟาร์มตัดสินใจได้ง่ายขึ้นและแม่นยำมากขึ้น ควบคุมต้นทุนได้แบบรู้ตัวทุกวัน ในอดีต คุณอาจจะรู้ว่าขายหมูได้ราคาเท่าไร แต่ไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้ว “ต้นทุนต่อกิโลกรัม” คือเท่าไร ระบบ Smart Farm จะวิเคราะห์ต้นทุนในแต่ละวัน เช่น อาหาร ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าจ้าง แยกตามรอบการเลี้ยง และเทียบกับผลผลิตที่ได้ ทำให้รู้ทันทีว่ารอบไหนกำไร รอบไหนขาดทุน และต้องปรับอะไรให้ดีขึ้นในรอบหน้า ใช้แรงงานน้อยลง แต่ได้ผลผลิตมากขึ้น ปัญหาแรงงานขาดแคลนในภาคเกษตรไม่ใช่เรื่องใหม่ Smart Farm ช่วยลดการพึ่งพาแรงงานได้มาก เช่น ระบบให้อาหารอัตโนมัติ เครื่องให้น้ำแบบตั้งเวลา หรือแม้แต่กล้องวงจรปิดที่สามารถดูแลฟาร์มจากมือถือ แถมยังตั้งระบบแจ้งเตือนเมื่อเกิดความผิดปกติ เช่น อุณหภูมิสูงเกิน หมูไม่กินอาหาร หรือระบบน้ำมีปัญหา ทำให้เจ้าของฟาร์มไม่ต้องอยู่หน้างานตลอดเวลา แต่ยังควบคุมฟาร์มได้เหมือนเดิม (หรือดีกว่าเดิม) ขายหมูได้จังหวะที่กำไรสูงสุด ระบบ AI Predictive Weight สามารถคาดการณ์ได้ว่าหมูแต่ละตัวจะถึงน้ำหนักเป้าหมายเมื่อไร พร้อมแจ้งเตือนช่วงเวลาที่ควรขายที่สุด (Peak Profit Window) ช่วยให้เจ้าของฟาร์มไม่ต้องขายเร็วเกินหรือช้าเกิน ทั้งยังเพิ่มโอกาสได้ราคาดีในตลาด สร้างภาพลักษณ์ฟาร์มทันสมัย ดึงดูดนักลงทุนและคนรุ่นใหม่ เมื่อฟาร์มคุณมีระบบเก็บข้อมูลที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และมีผลลัพธ์เป็นตัวเลขจริง นักลงทุนหรือพันธมิตรธุรกิจจะมองเห็นศักยภาพของฟาร์มมากขึ้น นอกจากนี้ยังดึงดูดคนรุ่นใหม่ให้สนใจกลับมาทำเกษตร เพราะไม่ต้องใช้แรงงานหนักเหมือนสมัยก่อน และสามารถวัดผลได้จริง Smart Farm เริ่มต้นไม่ยากอย่างที่คิด หลายคนอาจคิดว่าการเปลี่ยนมาเป็น Smart Farm ต้องลงทุนหลักแสนถึงหลักล้าน แต่ความจริงแล้ว คุณสามารถเริ่มจากจุดเล็ก ๆ ก่อน เช่น ติดตั้งระบบให้อาหารอัตโนมัติ หรือเก็บข้อมูลน้ำหนักหมูด้วยเซนเซอร์ แล้วค่อยต่อยอดเพิ่มขึ้นทีละขั้นในงบประมาณที่ควบคุมได้ ไม่มีคำว่าช้าเกินไป ถ้าวันนี้คุณเริ่ม หากคุณยังเลี้ยงสุกรแบบเดิมอยู่ แล้วรู้สึกว่ากำไรไม่ขยับ รายได้ไม่แน่นอน ลองเปิดใจให้เทคโนโลยีเข้าไปเป็นผู้ช่วยในฟาร์ม เริ่มต้นเปลี่ยนทีละนิด คุณจะเห็นผลลัพธ์ที่ต่างออกไป เพราะในยุคนี้ “ความรู้และข้อมูล” คือเครื่องมือทำเงินที่ทรงพลังที่สุดเลี้ยงแบบเดิมคุณอาจแค่ “อยู่ได้”แต่ถ้าอยาก “รวยขึ้น” …Smart Farm คือคำตอบที่ใช่  

เลี้ยงสุกรแบบเดิมได้แค่รอด…เลี้ยงแบบ Smart Farm รวยได้จริง Read More »

โรคสัตว์ในช่วงฤดูฝนและวิธีการป้องกัน

ฤดูฝน นอกจากจะนำความชุ่มชื้นมาสู่ธรรมชาติแล้ว ยังเป็นฤดูที่มาพร้อมความเสี่ยงสูงต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยงในฟาร์ม ไม่ว่าจะเป็นความชื้นสูง น้ำขัง อุณหภูมิที่แปรปรวน หรือสภาพแวดล้อมที่เปียกชื้น ล้วนเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เชื้อโรคต่าง ๆ เช่น แบคทีเรีย ไวรัส และปรสิตเจริญเติบโตได้ดี หากไม่ป้องกันล่วงหน้า อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อผลผลิตและต้นทุนของฟาร์มได้อย่างมหาศาล โรคที่พบบ่อยในช่วงฤดูฝน โรคปากและเท้าเปื่อย (FMD)พบในโค กระบือ และสุกร ทำให้สัตว์มีไข้ มีแผลในปากและเท้า ส่งผลให้สัตว์กินอาหารน้อยลง น้ำหนักลด โรคปอดบวม (Pneumonia)พบได้ในสัตว์ทุกชนิด โดยเฉพาะลูกสัตว์ เช่น ลูกสุกร ลูกไก่ ลูกวัว อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงและความชื้นสูงเป็นปัจจัยเสี่ยง โรคอุจจาระร่วงในลูกสัตว์ (Diarrhea)โดยเฉพาะจากเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสในน้ำดื่มหรืออาหารที่ปนเปื้อน โรคจากพยาธิภายในและภายนอกเช่น พยาธิในลำไส้ หรือไรในไก่ ที่เจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมชื้น วิธีการป้องกันโรคช่วงหน้าฝน จัดการโรงเรือนให้แห้งและสะอาด ระบายน้ำได้ดี ไม่เกิดน้ำขัง พื้นไม่ลื่น ไม่เป็นโคลน ลดการสะสมของเชื้อโรค เปิดให้มีอากาศถ่ายเท ลดความชื้นสะสม ควบคุมสุขอนามัยของฟาร์ม (Biosecurity) ล้างและฆ่าเชื้ออุปกรณ์ทุกวัน ใช้รองเท้าเฉพาะในฟาร์ม หลีกเลี่ยงบุคคลภายนอกเข้าออกโดยไม่จำเป็น เสริมภูมิคุ้มกันให้สัตว์ ฉีดวัคซีนตามกำหนด เสริมวิตามินหรือสารอาหารที่ช่วยให้สัตว์แข็งแรง ตรวจสุขภาพสัตว์เป็นประจำ จัดการน้ำและอาหารอย่างระมัดระวัง เปลี่ยนน้ำดื่มบ่อย ๆ และตรวจคุณภาพน้ำ เก็บอาหารสัตว์ในที่แห้ง ป้องกันเชื้อราและความชื้น  

โรคสัตว์ในช่วงฤดูฝนและวิธีการป้องกัน Read More »

กรมปศุสัตว์บุกตรวจห้องเย็น พบซากหมูไร้ที่มา กว่า 500 กก.

   อธิบดีกรมปศุสัตว์เผย ได้สั่งการเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษพญาไท ร่วมกับเจ้าหน้าที่กองสารวัตรและกักกัน จากสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดนครปฐม ลงพื้นที่ตรวจสอบห้องเย็นของบริษัทแห่งหนึ่ง ในตำบลสนามจันทร์ อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม พบสินค้าบางส่วนไม่สามารถแสดงเอกสารแหล่งที่มาหรือใบเคลื่อนย้ายได้ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการอายัดสินค้าดังกล่าวเป็นระยะเวลา 15 วัน หากภายในกำหนดเวลาดังกล่าว เจ้าของสินค้าไม่สามารถนำเอกสารแสดงแหล่งที่มา หรือใบเคลื่อนย้ายมาแสดงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ จะดำเนินการตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558    นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์กล่าว​ว่า ได้สั่งการเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษพญาไท ร่วมกับเจ้าหน้าที่กองสารวัตรและกักกัน จากสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดนครปฐม ลงพื้นที่ตรวจสอบห้องเย็นของบริษัทแห่งหนึ่ง ในตำบลสนามจันทร์ อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม ซึ่งห้องเย็นดังกล่าวมีความจุห้องละ 300 ตันรวมทั้งหมด 4 ห้อง โดยปัจจุบันใช้งานอยู่เพียง 2 ห้อง ภายในมีสินค้าปศุสัตว์และอาหารแปรรูปเก็บรักษาไว้ ประกอบด้วย ซากสุกร (ชิ้นส่วน เครื่องใน คากิ) จำนวน 108,267 กิโลกรัม สินค้าประมง (ปลาทู ปูม้า) จำนวน 50,000 กิโลกรัม และสินค้าแปรรูป (ไก่ปรุงสุก) จำนวน 5,000 กิโลกรัม      จากการตรวจสอบพบว่า ส่วนใหญ่มีเอกสารใบอนุญาตค้าซากสัตว์และใบอนุญาตเคลื่อนย้ายถูกต้อง แต่พบสินค้าบางส่วน ได้แก่ ตับสุกรแช่แข็ง จำนวน 250 กิโลกรัม และสามชั้นสุกรแช่แข็ง จำนวน 262 กิโลกรัม ไม่สามารถแสดงเอกสารแหล่งที่มาหรือใบเคลื่อนย้ายได้ เพื่อควบคุมความปลอดภัยด้านสาธารณสุขและป้องกันการแพร่ระบาดของโรค เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการอายัดสินค้าดังกล่าวเป็นระยะเวลา 15 วัน โดยเก็บรักษาไว้ที่ห้องเย็นเดิม หากภายในกำหนดเวลาดังกล่าว เจ้าของสินค้าไม่สามารถนำเอกสารแสดงแหล่งที่มา หรือใบเคลื่อนย้ายมาแสดงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ จะดำเนินการตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 เนื่องจากจังหวัดนครปฐมอยู่ในพื้นที่ประกาศเฝ้าระวังโรคระบาดอหิวาต์แอฟริกาในสุกร การกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมาย มีโทษตามมาตรา 65 ของ พ.ร.บ. ดังกล่าว ซึ่งระบุโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ     อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่าเพิ่มเติมว่า การปฏิบัติการครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายของ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ รวมทั้งนายอิทธิ ศิริลัทยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ให้ความสำคัญต่อการควบคุมคุณภาพสินค้าปศุสัตว์ เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคผลิตภัณฑ์จากสัตว์ หากพบการกระทำผิด กรมปศุสัตว์จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด หากประชาชนพบเห็นการกระทำผิดโปรดแจ้งเบาะแสหรือข้อมูลเพิ่มเติม โดยสามารถแจ้งได้ที่แอปพลิเคชัน DLD 4.0 ได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าตรวจสอบการกระทำความผิดและดำเนินการตามกฎหมายได้อย่างทันท่วงที./  

กรมปศุสัตว์บุกตรวจห้องเย็น พบซากหมูไร้ที่มา กว่า 500 กก. Read More »

เตือน! ระวังโรคแอนแทรกซ์ หลังพบผู้ป่วยรายแรกที่มุกดาหาร

  กรมปศุสัตว์ พบผู้ป่วยโรคแอนแทรกซ์ที่มุกดาหาร 1 ราย มีประวัติกินเนื้อโคดิบ เร่งเก็บตัวอย่างส่งตรวจหาเชื้อที่ศูนย์วิจัยและและพัฒนาการสัตวแพทย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน จังหวัดขอนแก่น เพื่อเฝ้าระวังป้องกันโรคแอนแทรกซ์ในโค กระบือ แพะ แกะ ย้ำในขณะนี้ยังไม่พบสัตว์ป่วยตายผิดปกติในพื้นที่   นายสัตวแพทย์บุญญกฤช ปิ่นประสงค์ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า ในขณะนี้พบรายงานผู้ป่วยยืนยันโรคแอนแทรกซ์ที่อำเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร โดยผู้ป่วยรายดังกล่าวได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลดอนตาล และย้ายมารักษาที่โรงพยาบาลมุกดาหาร ด้วยอาการมีแผลที่มือขวา ต่อมน้ำเหลืองโตที่รักแร้ขวา ผู้ป่วยมีประวัติชำแหละและรับประทานเนื้อโคดิบ โดยแพทย์วินิจฉัยเบื้องต้น คือ septic shock  และต่อมา ได้รับผลทางห้องปฏิบัติการรายงานผลการตรวจวิเคราะห์จากสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข  กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ยืนยันตรวจพบเชื้อแบคทีเรีย (Bacillus anthracis) ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคแอนแทรกซ์ โรคแอนแทรกซ์ (Anthrax) เป็นโรคติดต่อระหว่างสัตว์และคน โดยโรคนี้มีสาเหตุจากเชื้อแบคทีเรีย (Bacillus anthracis)  สัตว์ที่เป็นโรคนี้ส่วนใหญ่เกิดจากการหายใจเอาสปอร์ของเชื้อแบคทีเรียที่ปนเปื้อนอยู่ในดินหรือหญ้าเข้าสู่ร่างกาย หรือจากการกินน้ำและอาหารที่มีเชื้อปะปนเข้าไป เมื่อเชื้อเข้าตัวสัตว์จะเพิ่มจำนวนมากขึ้น พร้อมสร้างสารพิษทำให้สัตว์ป่วยและตายในที่สุด ในระหว่างสัตว์ป่วยเชื้อถูกขับออกมากับอุจจาระปัสสาวะหรือน้ำนม เมื่อทำการเปิดผ่าซากเชื้อสัมผัสกับอากาศจะสร้างสปอร์ทำให้คงทนในสภาพแวดล้อมได้นาน โค กระบือ แพะ แกะ ที่ป่วยมีอาการแบบเฉียบพลัน คือ สัตว์ป่วยจะตายอย่างรวดเร็ว มีเลือดสีดำคล้ำไหลออกตามทวารต่างๆ ซากไม่แข็งตัว สำหรับคนที่ทำการผ่าซากหรือบริโภคเนื้อสัตว์ป่วยด้วยโรคนี้ แบบสุกๆ ดิบๆ จะพบแผลหลุมตามนิ้วมือ แขน หรือช่องปาก และมีอาการเจ็บปวดในช่องท้องโรคนี้ทำให้คนตายได้หากตรวจพบโรคช้า สถานการณ์ ณ ปัจจุบันจากการเฝ้าระวังและค้นหาโรค ยังไม่พบสัตว์ป่วยตายผิดปกติในพื้นที่ โดยกรมปศุสัตว์ได้ดำเนินการเก็บตัวอย่าง ได้แก่ เนื้อแห้ง หนังแห้งของสุกรและโค เนื้อสัตว์และเลือดที่อยู่บนเขียงที่ใช้ในการชําแหละ อุจจาระโคเพื่อส่งตรวจหาเชื้อที่ศูนย์วิจัยและและพัฒนาการสัตวแพทย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน จังหวัดขอนแก่น ทั้งนี้ กรมปศุสัตว์ได้ดำเนินมาตรการควบคุมโรคแอนแทรกซ์ในสัตว์ที่จังหวัดมุกดาหาร โดยมีแนวทางดังนี้ 1. กักและสังเกตอาการสัตว์ภายในฝูง ร่วมกับฉีดยาปฏิชีวนะกลุ่ม penicillin อย่างน้อย 3-5 วัน 2. ขอความร่วมมือห้ามเคลื่อนย้ายสัตว์เข้าออกในพื้นที่ 3. งดนำโคไปเลี้ยงในพื้นที่แปลงหญ้า / แหล่งน้ำ หรือบริเวณที่สงสัย 4. ฉีดวัคซีนป้องกันโรคแอนแทรกซ์ในสัตว์ภายในตำบล 5. การทำลายเชื้อด้วยโซดาไฟในพื้นที่ชำแหละสัตว์ 3 จุด ได้แก่ บ้านเหล่าหมี 2 จุด และบ้านโคกสว่าง 1 จุด ทั้งนี้ ให้ทำลายเชื้อบริเวณจุดเสี่ยงที่สำคัญ เช่น ที่เชือด ท่อน้ำทิ้ง โดยเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานแต่งกายให้รัดกุม โดยการใส่ชุดป้องกันโรค มาส์กและถุงมือ 6. เฝ้าระวังและเก็บตัวอย่างในสิ่งแวดล้อมเพิ่มเติม เช่น ดินบริเวณคอกสัตว์ เพื่อตรวจหาการปนเปื้อนเชื้อ 7. ดำเนินการเฝ้าระวังสัตว์ป่วยในพื้นที่อำเภอดอนตาล 8. ประชาสัมพันธ์เตือนภัยให้เกษตรกรให้สังเกตอาการสัตว์เลี้ยง โดยมีนิยาม คือ โค กระบือ แพะ แกะตายเฉียบพลัน เลือดไหลออกจากปาก จมูก ทวารหนัก เลือดมีลักษณะไม่แข็งตัว หากพบมีอาการดังกล่าว ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ทันที และมีการเฝ้าระวังโรคร่วมกับหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ 9. เน้นประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน งดบริโภคเนื้อดิบ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ขอความร่วมมือเกษตรกรผู้เลี้ยงโค กระบือ แพะแกะ หากพบสัตว์แสดงอาการป่วยหรือตายผิดปกติโดยไม่ทราบสาเหตุแบบเฉียบพลัน ห้ามเปิดผ่าซาก ห้ามเคลื่อนย้ายซากหรือชำแหละเพื่อการบริโภค ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ อาสาปศุสัตว์ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ในพื้นที่ หรือ ผ่านทาง Application DLD 4.0 หรือโทรศัพท์สายด่วน 063-225-6888 เพื่อให้การช่วยเหลือเกษตรกรได้อย่างทันท่วงที

เตือน! ระวังโรคแอนแทรกซ์ หลังพบผู้ป่วยรายแรกที่มุกดาหาร Read More »

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้แก่ท่านได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงทำให้สามารถมอบข้อเสนอ กิจกรรมส่งเสริมการขาย เลือกเนื้อหาให้เหมาะสมแก่ท่านอย่างเป็นส่วนตัวได้ การเก็บและใช้งานคุกกี้สามารถศึกษาได้ที่นโยบายการใช้คุกกี้นี้ การใช้งานเว็บไซต์นี้จะมีการจัดเก็บคุกกี้ประเภทต่าง ๆ ซึ่งท่านต้องยอมรับและยินยอมให้บริษัทฯ จัดเก็บ. (เรียนรู้เพิ่มเติม)