บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ยก “โครงการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์แก่เกษตรกรรายย่อย” ที่ดำเนินต่อเนื่องตลอด 5 ทศวรรษ ได้ร่วมสนับสนุนความมั่นคงทางอาชีพและรายได้ให้แก่เกษตรกรรายย่อยของไทยมีความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืน พึ่งพาตนเองอย่างเข้มแข็ง มีส่วนช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจในระดับชุมชนและประเทศ ควบคู่กับการผลิตเนื้อสัตว์ที่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม สร้างความมั่นคงด้านอาหารให้คนไทย
สมพร เจิมพงศ์ รองกรรมการผู้จัดการซีพีเอฟ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 47 ปี นับตั้งแต่ ซีพีเอฟได้ริเริ่มโครงการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์แก่เกษตรกรรายย่อย ตั้งแต่ปี 2518 นอกจากช่วยสนับสนุนให้เกษตรกรเป็นผู้ผลิตสินค้าเกษตรทั้งสุกร ไก่เนื้อ และไก่ไข่ ที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน สอดคล้องกับความต้องการของตลาด โดยประยุกต์ใช้ระบบคอนแทรคฟาร์มมิ่ง มีส่วนช่วยสร้างอาชีพและรายได้ที่มั่นคงให้กับเกษตรกร สามารถพึ่งพาตนเองได้และมีคุณภาพชีวิตที่ดี โครงการฯ ช่วยสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่ การขจัดความยากจน การสร้างความมั่นคงทางอาหาร ส่งเสริมให้เกษตรกรมีความรู้ในการผลิตเนื้อสัตว์ที่มีประสิทธิภาพ มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม สามารถส่งต่อให้ลูกหลานสืบทอดเป็นอาชีพเลี้ยงตนเองต่อได้ ตอบโจทย์เป้าหมายกลยุทธ์ความยั่งยืน CPF 2030 Sustainability in Action ภายใต้เสาหลัก อาหารมั่นคง และสังคมพึ่งตนสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (SDGs)
ปัจจุบัน มีเกษตรกรกว่า 5,900 ครอบครัวที่เข้าร่วมโครงการฯ ช่วยสนับสนุนงานที่มีคุณค่าให้กับเกษตรกรไทย โดยบริษัทเป็นผู้ถ่ายทอดให้เกษตรกรมีความรู้และเทคโนโลยีในการผลิตสินค้าได้ประสิทธิภาพ มีผลผลิตแน่นอน มีแหล่งรับซื้อผลผลิตในราคาที่ตกลงไว้ล่วงหน้า เกษตรกรสามารถเข้าถึงแหล่งทุนในการขยายกิจการ ช่วยลดความเสี่ยงให้สามารถดำเนินการผลิตเนื้อสัตว์ได้ต่อเนื่อง ร่วมสนับสนุนความมั่นคงด้านอาหารให้กับคนทั้งประเทศ
“ระบบคอนแทรคฟาร์มมิ่งช่วยแก้ปัญหาความยากจนและหนี้สินครัวเรือนของเกษตรกรไทย ลูกหลานของเกษตรกรมีโอกาสทางการศึกษาในระดับสูงมากขึ้น และหลายคนกลับมาสานต่ออาชีพของพ่อแม่ ร่วมพัฒนาให้การผลิตมีความทันสมัยขึ้นโดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและระบบอัตโนมัติเข้ามาช่วยการผลิต ก้าวสู่การเป็นเกษตรกรยุค 4.0” สมพรกล่าว
โครงการฯ ส่งเสริมให้เกษตรกรยกระดับระบบผลิตอาหารที่เป็นมิตรต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานฟาร์มสีเขียว (CPF Green Farm) ไม่เพียงส่งเสริมให้เกษตรกรสามารถใช้พลังงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยระบบก๊าซชีวภาพ (biogas system)ช่วยจัดการของเสียและนำไปใช้เป็นพลังงานไฟฟ้าภายในฟาร์ม ร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขณะเดียวกัน ฟาร์มเกษตรกรบางพื้นที่ยังแบ่งปันน้ำที่ผ่านการบำบัดได้มาตรฐานแล้วให้กับเพื่อนเกษตรกรที่ทำอาชีพเพาะปลูกในช่วงหน้าแล้ง รวมทั้งถ่ายทอดความรู้ด้านการดำเนินงานที่รับผิดชอบเป็นสมาชิกที่ดีของชุมชน อาทิ การจัดการแรงงานการจัดการสิ่งแวดล้อม การเลี้ยงสัตว์ตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ เป็นต้น
ซีพีเอฟถ่ายทอดองค์ความรู้ และความเชี่ยวชาญต่างๆ ให้แก่เกษตรกรในโครงการฯ เป็นประจำทุกปี ช่วยสนับสนุนการทำปศุสัตว์อย่างยั่งยืน และเกษตรกรสามารถปรับตัวรับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้ โดยเฉพาะความเสี่ยงเรื่องโรคระบาด เกษตรกรเตรียมความพร้อมยกระดับระบบการจัดการฟาร์ม และระบบป้องกันโรคที่ดี ช่วยให้เกษตรกรในโครงการฯ ส่วนใหญ่สามารถป้องกันโรค ASF ได้อย่างมั่นใจ
จากความสำเร็จมานานถึง 5 ทศวรรษ องค์กรอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญของบริษัทฯ แบ่งปันความรู้แก่เจ้าหน้าที่เกษตร FAO จากหลายประเทศทั่วโลก และนำสัญญาคอนแทรคฟาร์มมิ่งที่ปรับปรุงให้สอดคล้องกับแนวทางสากลของ UNIDROIT หน่วยงานอิสระทางกฎหมายสากลอันดับ 1 ของโลก มาเป็นต้นแบบให้หลายๆ ประเทศได้นำไปศึกษาและประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของแต่ละประเทศต่อไป